เด็กประชาธิปัตย์ ถาม ‘บิ๊กตู่’ ตั้งครม.ช้า กลัวอำนาจ ม.44 หลุดมือเหรอ?

วันที่ 19 มิ.ย.นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรค ประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊ก เรื่อง ” ปัญหาปากท้องต้องรอใคร มี ม. 44 ไว้ทำไม” โดยตั้งข้อสังเกตถึงการจัดตั้งครม.ล่าช้าว่า เป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 หลุดมือหรือไม่

ยกตัวอย่างรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ครม.ใหม่หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ 3 วัน แต่ตั้งแต่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ยังตั้ง ครม.ไม่ได้ ซึ่งถือเป็นความล่าช้าที่ไม่ควรเกิดขึ้น

เพราะที่ผ่านมารัฐบาลหลังเลือกตั้งเมื่อได้ตัวนายกรัฐมนตรี จะมีการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯในเวลารวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการบริหารประเทศ

นายเชาว์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจเห็นว่าตัวเองมีอำนาจเต็ม และยังถือมาตรา 44 ไว้ในมือ ยิ่งมีรัฐบาลใหม่เร็วเท่าไหร่ อำนาจพิเศษก็จะหลุดมือไปเร็วเท่านั้น แม้ว่าผู้นำจะเป็นคนเดิมอำนาจก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ส่วนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การตั้งครม.ล่าช้าหรือไม่ ผู้มีอำนาจต้องเป็นคนให้คำตอบกับประชาชนว่า ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแค่นายกรัฐมนตรีโดยไม่มีตำแหน่งหัวหน้าคสช.ควบด้วยใช่หรือไม่

สิ่งที่ผมอยากท้วงคือ เมื่อเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ผู้นำรัฐบาลก็ไม่เคยคิดชะลอการใช้อำนาจก็ควรเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ไม่ควรมีข้ออ้างว่าต้องรอรัฐบาลใหม่มาตัดสินใจ เช่น กรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่มีราคาแพงกว่าในต่างประเทศ

ผลศึกษาของทีดีอาร์ไอพบว่า ผู้โดยสารต้องจ่ายเฉลี่ย 28.30 บาทต่อเที่ยว ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับผู้มีรายได้น้อย จึงมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รัฐบาลตรวจสัญญาสัมปทาน เจรจากับคู่สัญญาให้ลดค่าโดยสารเหลือ 15 บาทตลอดสาย แต่รัฐบาลปัจจุบันนซึ่งมีอำนาจเต็มกลับไม่เร่งดำเนินการ

“ปลัดกระทรวงคมนาคม อ้างว่า ต้องรอนโยบายที่ชัดเจน จากรัฐบาลใหม่ ผมคิดว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะปัญหาปากท้องประชาชนต้องแก้ไขทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลคสช.มีอำนาจเต็มในมืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอรัฐบาลใหม่ เนื่องจากผู้นำรัฐบาลก็เป็นคนเดิม อย่าให้เขาครหาได้ว่า มีมาตรา 44 ไว้เอื้อแต่กลุ่มทุน แต่พอเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนกลับไม่สนใจ” นายเชาว์ กล่าว