“ประยุทธ์” ยันจัด ครม.ไร้ปัญหา ลั่น ‘ลองงานการเมือง 5 ปี’ นั่งต่ออีกสมัย ประเทศดีขึ้นแน่นอน

“บิ๊กตู่” ยันไม่มีปัญหาจัด ครม.ขู่ปรับได้ตลอด ถ้าทำงานถูกร้องเรียน อย่าห่วงไม่ได้งบประมาณ ยืนยันต้องได้ลงทุกพื้นที่ทุกจังหวัด โวผ่านฝึกงานการเมือง 5 ปี อย่าบอกไม่สันทัดงานการเมือง ครวญเหนื่อยกับการทำความเข้าใจ

เมื่อเวลา 13.45 น. วานนี้ (18 มิถุนายน 2562) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนตอบคำถามเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ได้บ่นว่าคำถามของนักข่าวส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับของเดิม แต่จะทำอย่างไรได้ เป็นนายกฯก็ต้องตอบ แต่จะตอบเท่าที่ตอบได้

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ดูรายชื่อว่าที่รัฐมนตรี พอไปไหวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามกลับก่อน ว่า ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็เป็นการเลือกมาจากประชาชน และเมื่อเลือกเข้ามาแล้วก็เป็นหน้าที่ของตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่จะมีการตรวจสอบ

หลังจากมีการเสนอรายชื่อเข้ามาและที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าหลายคนมีปัญหา ก็ต้องไปถามฝ่ายกฎหมายว่ามีการติดขัดตรงไหน จะเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ผิดจะให้ตนทำอย่างไร ในเมื่อประชาชนเลือกกันมาทั้งหมด ขึ้นอยู่ว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไรในอนาคต และกฎหมายก็มีบรรทัดฐานไว้อยู่แล้วว่าอย่างไรถึงจะเรียกว่าผิด หรือยังไม่ผิดอะไร หรืออยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ ขอร้องว่าอย่าเพิ่งเอาอะไรมาตีกันเยอะแยะจนวุ่นไปหมด

ผู้สื่อข่าวถามถึงความลงตัวของเก้าอี้รัฐมนตรีในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ก็เรียกมาคุยกันตลอด มีการหารือพูดคุยให้เข้าใจซึ่งกันและกัน แต่จะให้ทุกคนเป็นรัฐมนตรีหมดเป็นไปไม่ได้ เพราะมีเรื่องของพรรค และแต่ละพรรคก็มีเรื่องของภาคก็ต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตนเข้าใจดีที่ประชาชนเลือกเข้ามาในแต่ละพื้นที่ ห่วงกันเรื่องงบประมาณ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง

เรามีการบริหารจัดการจากส่วนกลางลงสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น มีนายกฯ มี ครม.และมีคนกลางกำกับดูแล ดังนั้น งบประมาณต้องลงทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ทุกกลุ่มจังหวัดและทุกภาค ส.ส.ทุกคนก็มีส่วนร่วมในการพิจารณาตามความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังมีเวทีของคณะกรรมการรัฐร่วมเอกชน (กรอ.) กนจ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลก็มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณลงไป ซึ่งบางกลุ่มจังหวัดได้มากกว่าเดิมจาก 1-2 ร้อยล้านบาท ได้เพิ่มเป็น 3-4 ร้อยล้านบาท ซึ่งทั้งหมดต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทและแผนการปฏิรูปแห่งชาติ รวมทั้งความต้องการของประชาชนในพื้นที่ทุกอย่างต้องสอดประสานกัน

“จึงไม่ต้องกังวลว่าถ้าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วงบประมาณจะไม่ได้ ผมยืนยันว่ามันต้องได้เพราะผมทำมา 5 ปีแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเยอะแยะพอสมควร แต่ยอมรับว่าอาจตอบสนองกับกลุ่มเล็กๆ ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราต้องทำภาพใหญ่ให้สมบูรณ์ก่อน คิดว่าอีก 5 ปีต่อไปทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิมเยอะพอสมควร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้มีการพิจารณาแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนก็ปรึกษาฝ่ายกฎหมายอยู่ ขอให้ใจเย็นๆ กำลังให้ดูว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายกฯที่มาจากทหารถูกมองว่าไม่สันทัดงานด้านการเมืองอย่างถ่องแท้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ตนทำมาทั้งหมดห้าปีก็เป็นงานการเมือง นั่นคืองานบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่การทหาร ตนต้องประชุม ครม.รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน กฎหมายทุกตัวต้องฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อน หลายอย่างที่ต้องใช้อำนาจ คสช. ก็เป็นเพราะต้องการเปิดเวทีให้เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย

เมื่อเปิดขึ้นมาแล้วก็เข้าไปแก้ไขปัญหาด้วยกฎหมายปกติหรือใช้งบประมาณพิเศษ เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ หลายอย่างก็ต้องปลดล็อกสิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ถ้าไม่มีก็ไปไม่ได้ แต่คิดว่าในอนาคตข้างหน้าไม่จำเป็นแล้ว เพราะเราได้ทำกฎหมายขึ้นมาแทนไปแล้วหลายเรื่อง แต่บางอันก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้อยู่ ล้วนแต่เป็นประโยชน์ของประชาชน อย่าไปล้มทุกอันเลย แต่ไม่ใช่ว่าพอยกเลิกแล้วก็จะกลับไปเป็นแบบเก่าทั้งหมด ประเทศชาติก็เดินต่อไปไม่ได้

“การที่มองผมว่าไม่สันทัดทางการเมืองนั้น ผมก็ทำงานมาแล้ว 5 ปี อาจจะมีดีบ้างไม่ดีบ้างซึ่งผมก็ยอมรับ แต่ผมต้องดำเนินการต่อไป ที่ผมได้เป็นนายกฯครั้งที่สอง อยากเรียนว่าไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิด ทุกอย่างต้องอาศัยการเรียนรู้การเอาใจใส่ ผมก็ไม่เคยเป็นนายกฯมาก่อน แต่วันนี้ก็พูดไม่ได้แล้ว เพราะเป็นมา 5 ปีแล้ว และใช่ว่าจะมาจากพลเรือนหรือทหารก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้เสียเมื่อไหร่

แต่วันนี้ผมถือว่าผมเองก็แก้ได้เยอะและถ้าเราร่วมมือกันต่อไปไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล หัวหน้ารัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ถ้าเราร่วมมือกันทุกอย่างก็ไปได้หมด ด้วยความรัก ความสามัคคี แต่ถ้าเรามัวแต่บ่อนทำลายกัน คิดแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองกันอย่างเดียวก็ไม่ได้ ขณะที่ประชาชนอ่อนแอเราจะทำอย่างไร วันนี้ผมยอมรับฟังความคิดเห็นของทุกคน วันนี้ต้องขอบคุณนิสิตนักศึกษาที่ให้ความสนใจ แต่เราควรมาคิดร่วมกันว่าจะร่วมมือกันอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมเคารพในความคิดของทุกคน ลูกหลานผมก็จบมหาวิทยาลัย วันนี้ผมยังต้องฟังความคิดเห็นของลูกที่หลายอย่างมีความคิดไม่ตรงกัน แต่เราต้องร่วมกันสร้างบรรทัดฐานไม่ให้เกิดผลกระทบ

จึงอยากจะขอร้องทุกคน การทำอะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ไม่มีผลดีกับประเทศเลย เราอย่าสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอีก นายกฯฟังทุกคน แต่ไม่สามารถตำหนิใครได้ เพราะถือว่าเป็นโลกแห่งประชาธิปไตย โลกปัจจุบันและโลกาภิวัตน์ แต่ทุกอย่างต้องมีพื้นฐาน เด็กนักเรียนต้องรู้ว่ามีหน้าที่อะไร การแสดงความคิดเห็นจะเอาการเมืองใส่ไปมากๆไม่ได้ เราต้องมีพื้นฐานของตัวเองให้แน่นก่อน และเมื่อโตขึ้นเป็นนิสิตนักศึกษาก็สามารถแสดงออกได้หลายโอกาส แต่ถ้าขัดแย้งทุกอย่างก็ไปไม่ได้ แล้วประเทศก็จะล้มทั้งหมด วันนี้ผมไม่ได้ปิดกั้นใคร และถ้าถามว่าเหนื่อยไหมต้องยอมรับว่าเหนื่อยในการทำความเข้าใจ อย่างอื่นผมไม่เหนื่อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้เราปิดกั้นใครไม่ได้ เพราะทุกคนบอกว่าประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง ในเมื่อวันนี้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง เราจะไปทำอะไรเขาได้ นอกจากมาตรการทางกฎหมายและตรวจสอบคุณสมบัติ อย่าลืมว่า ครม.สามารถปรับได้ตลอดเวลา ถ้าทำไม่ดีขึ้นมา หากมีการร้องเรียนร้องทุกข์กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้กลไกในการตรวจสอบต่อไป แม้แต่ตัวของตนเองก็ต้องระมัดระวัง เพราะหลายเรื่องทุกคนก็บอกว่าเป็นหน้าที่ของนายกฯตัดสินใจ