พณ.ปลื้มผู้นำเข้าจีนรุมจีบ ดาวเด่นเอสเอ็มอีไทยต่อยอดธุรกิจ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการที่ชนะเลิศการประกวดแผนธุรกิจยอดเยี่ยม จากโครงการประกวดแผนธุรกิจ DTN Business Plan Award 2019 ทั้ง 5 ทีม ได้แก่ 1. ซุปข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคกึ่งสำเร็จรูป จากทีม Eiyo ซุปเปอร์คิดส์ 2. ข้าวเหนียวมะม่วงสดพร้อมทาน จากทีม Triple Prime Mango 3)ข้าวเหนียวทุเรียนพร้อมทาน จากทีม Big Durian 4. ข้าวเหนียวมะม่วงฟรีซดรายด์ จากทีม Graccy group และ 5. ขนมข้าวป๊อบ กราโนล่า จากทีม ยังเกอร์ ฟาร์ม เข้าร่วมชมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างประเทศ The 10th China (Shanghai) International Catering Food & Beverage Exhibition 2019 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งศึกษาการจำหน่ายสินค้าและการตลาดในห้างค้าปลีกระดับพรีเมี่ยมใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ เช่น Ole Hemaและ City Super โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมงาน และประชาชนที่เดินเลือกซื้อสินค้า ทำให้ทราบแนวทางการทำตลาด รสนิยม พฤติกรรมการบริโภค ตลอดจนความคาดหวังต่อสินค้าไทยของผู้บริโภคชาวจีน

นางอรมน  กล่าวว่า กรมฯ ยังได้จัดให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าและผู้ประกอบการของจีน โดยทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหารือถึงโอกาสการนำเข้าสินค้าอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อสิ้นสุดการเจรจา ผู้นำเข้าหลายรายให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการ SMEs ไทยอย่างจริงจัง ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการซื้อขายกันในอนาคต รวมถึงได้พบกับผู้บริหารของ Fruitday & Cityshop ซึ่งเป็น Hyper Market ชั้นนำที่เน้นการนำเข้าอาหารคุณภาพดีจาก 13 ประเทศ รวมทั้งไทยด้วย

นางอรมน  กล่าวว่า กรมฯ ยังได้นำคณะผู้ประกอบการเข้าเยี่ยมสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนางสาวศศิรินทร์ ตันกุลรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ให้การต้อนรับ พร้อมย้ำว่าการมาเยือนเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางทางการค้า เศรษฐกิจ และแฟชั่นของจีน หากสินค้าประสบความสำเร็จได้รับความนิยม ก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในเมืองอื่นๆ ของจีนด้วย พร้อมย้ำให้ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า การกำหนดราคา และการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย เพื่อให้สินค้ามีมาตรฐาน

นอกจากนี้ ยังได้รับความรู้และแนวทางการทำธุรกิจในประเทศจีน จาก ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร เลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ย้ำให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ซึ่งเป็นแต้มต่อที่สำคัญ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการวิจัยตลาด เนื่องจากตลาดจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องติดตามและปรับตัวให้ทัน และต้องสร้างแบรนด์ของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา ตลอดจนต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาด้วย

นางอรมน  กล่าวว่า ปี2561 จีนเป็นตลาดอันดับหนึ่งทั้งด้านการนำเข้าและส่งออกของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 80,136.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปจีน 30,175.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน 49,961 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว ประกอบกับวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน นั้น เอฟทีเอถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกได้

มติชนออนไลน์