“เต้น”เชื่อ ถ้าผู้ใช้อำนาจวันนี้ชื่อทักษิณฯ ทำแบบที่บิ๊กตู่ทำ คนหนุนบิ๊กตู่ก็รับไม่ได้

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด ‘เต้น’’ เผยแพร่ทางแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.62 ถึงสถานการณ์การเมืองหลังสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากประกอบด้วยส.ส.จากพรรคต่างๆ และส.ว.250 คน ที่แต่งตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า

‘ไม่ว่าใครจะอธิบาย หรือตีความ หรือพยายามช่วยกันบิดเบือนอย่างไรก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้หรอกครับว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้คือการสืบทอดอำนาจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมตัวเอง แต่งตั้งพวกพ้องเข้าดำรงตำแหน่งในแม่น้ำ 5 สาย

ใช้อำนาจตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญให้มีการทำประชามติ โดยปิดกั้นการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ ประชาชนผู้เห็นต่างถูกดำเนินคดีมากมาย

ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลของตัวเองลาออกมาตั้งพรรคการเมือง กวาดต้อนนักการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมสังกัดพรรค แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งโดยยังถือมาตรา 44

มีการใช้กลไกอำนาจรัฐ ใช้อำนาจเงินต่างๆ มากมาย ในทุกพื้นที่เป็นที่ประจักษ์แก่การรับรู้ของประชาชน

ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับเข้าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา แม้พรรคพลังประชารัฐจะพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทย แต่ก็อ้างความชอบธรรมว่า ได้คะแนนจากประชาชนมากกว่า จับมือกับพรรคการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาแต่เดิม แล้วใช้คะแนนเสียงของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งมาเอง ส่งตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แรกที่มีการทักท้วงเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งคำถามว่า ส.ว.เค้าไม่มีสมองกันหรือยังไง รู้ได้ยังไงว่า จะเลือกพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดของสมาชิกวุฒิสภา

วันนี้มันชัดแล้วไงครับ ต่อให้ตั้งมา 500 ก็จะเลือกทั้ง 500 นั่นล่ะครับ

‘สืบทอดอำนาจ’  สำหรับผม ยืนยันชัดเจนครับ เรียกเป็นอย่างอื่นไม่ได้

แต่ที่มีคนเห็นแตกต่างกันอยู่ นั่นเพราะว่าความขัดแย้งทางการเมืองตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้อคติ ความเป็นฝักฝ่ายมันมีอิทธิพลเหนือหลักการและกติกา

ถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ดำเนินการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ดำเนินการโดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือใครก็ตามในซีกสังกัดพรรคเพื่อไทย

ผมก็เชื่อว่า ประชาชนที่กำลังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในเวลานี้ จะต้องออกมาประกาศอย่างแน่นอนว่า รับไม่ได้

ขนาดเค้าประกาศยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่มีอยู่เดิม ไม่ได้เขียนขึ้นมาใหม่ ก็ยังมีคนบอกว่ารับไม่ได้ ประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง ขัดขวางการลงคะแนนจนเป็นโมโฆะ เปิดทางให้มีการรัฐประหาร

แต่ว่าเรื่องราวที่เป็นอยู่วันนี้ คนกลุ่มเดียวกันกลับบอกว่า รับได้และเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐด้วยซ้ำไป

ต้องเข้าใจร่วมกันเสียทีนะครับว่าความขัดแย้งแตกแยกกันของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ทำให้อำนาจนอกระบบแข็งแรงขึ้นแล้วก็อาศัยสถานการณ์ความขัดแย้งนี้เข้ามาดำรงตำแหน่ง และเข้ามายึดครองบ้านเมืองด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรม

แล้วมีแนวโน้มว่าจะอยู่กันยาวนานต่อไป’ ณัฐวุฒิกล่าว

ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยเคยร่วมงานกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้า คปค.

ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ‘แม้พล.อ.สนธิ จะเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งผมไม่ยอมรับ และในบทบาทนั้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผมก็จะไม่มีทางยอมรับ

แต่ตัวพล.อ.สนธิ ไม่ได้ร่างกติกาเพื่อกำหนดว่าตัวเองต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เท่านั้น

หลังจากพ้นอำนาจไปแล้ว มีการเลือกตั้ง 1 ครั้งในปี 2550 พล.อ.สนธิ ไม่ได้ลงเลือกตั้ง

แต่มาตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้งในปี 2554 ภายใต้กติกาที่พรรคประชาธิปัตย์ แก้ไขไปมากแล้ว

และเมื่อพล.อ.สนธิ ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนตามกติกา ผมก็ต้องเคารพในประชาชนที่เลือกท่านมา ซึ่งต่างกันนะครับกับครั้งนี้ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำทุกอย่างเพื่อจัดวางตัวเองไว้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีใครเป็นได้นอกจากหนึ่งเดียวคนนี้

ส่วนบรรยากาศในรัฐสภา หลังจากนี้ไป คงไปอย่างไม่ราบรื่น คงมีบรรยากาศที่อาจจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายและเสื่อมศรัทธา

ตรงนี้อยากจะให้รู้เท่าทันนะครับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นยุทธศาสตร์ของฝ่ายถืออำนาจ ที่ต้องการทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ เพราะความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อการเมืองในระบบได้สร้างความชอบธรรมให้กับการเมืองนอกระบบอย่างที่เราจำทนยอมรับกันอยู่ในเวลานี้

ประชาชนอดทนนะครับ แล้วพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ลดความขัดแย้งแตกแยก หันหน้าเข้าหากัน เข้าสู่หลักการที่ถูกต้อง

ผมไม่เชื่อว่าอำนาจที่มาโดยไม่ชอบธรรมและขาดการยอมรับจากประชาชน จะยั่งยืนยาวนาน

ส่วนนักการเมืองในสภา อย่าไปหลงเกมบางคนบางส่วนที่พยายามจะชวนท่านเล่นแปลกๆ นะครับ

ประเภทสร้างวาทกรรม ‘อีช่ง อีช่อ’ หรือจะมาท้าตีท้าต่อย อย่าไปสนใจมากเลยครับ

มุ่งเน้นทำหน้าที่ รักษาระบบ รักษากระบวนการทางการเมืองตามวิถีทางประชาธิปไตยเอาไว้

สำหรับความเห็นที่ว่า ประชาธิปัตย์เตรียมจี้พลังประชารัฐแก้รัฐธรรมนูญ ปัดโธ่ ไม่มีหรอกครับที่จะแก้รัฐธรรมนูญ

พลังประชารัฐ เขาได้ประโยชน์สูงสุดจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขาจะแก้ทำไม

ส่วนประชาธิปัตย์วันนี้ กำลังคิดแก้เกมเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญหลายเท่าตัวนักครับ’ นายณัฐวุฒิกล่าว

 

มติชนออนไลน์