เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแถลงจุดยืนกรณี พรรคประชาธิปัตย์ มีมติเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯต่อ โดยระบุว่า

ตั้งแต่ที่ตนได้แสดงจุดยืน สะท้อนว่าคนไทยต้องการประชาธิปไตยสุจริต การเลือกตั้งที่ผ่านมามีการได้คะแนนเสียงมาโดยมิชอบ พฤติการณ์การได้มาซื้อ ส.ว. พฤติกรรมที่องค์กรอิสระ ไม่สามารถทัดทาน ตรวจสอบไปได้อย่างอิสระ การสืบทอดอำนาจไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นความเป็นจริง เหมือนกับปี 2548 ที่ตนเคยยืนหยัดต่อสู้ระบอบทักษิณ หากนึกไม่ออก ลองไปอ่าน แอนิมอล ฟาร์ม จะได้เข้าใจพฤติกรรมดังกล่าว พอได้อำนาจแล้วกลับกระทำเหมือนกับพฤติกรรมที่ไม่ดี

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ตนพยายามอย่างมากในการประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคเมื่อวาน บัดนี้ ปชป. มีมติสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนเคารพในมติเสียงข้างมาก ยืนยันตนไม่เห็นด้วย แต่เมื่อพรรคมีมติ สมาชิกก็ต้องปฏิบัติตาม ยอมรับว่ายังแอบหวัง ว่าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ ให้มีความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อนในพรรคจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หวังลึกๆ ว่าคนที่ ปชป.ไปพายเรือให้ ยอมกลับใจ ทำสิ่งดี ยอมรับเสียดายพรรคประชาธิปัตย์ หากสามารถยืนอยู่ตรงกลาง ทำประโยชน์ให้ประเทศได้ อะไรที่ดีพรรคก็สนับสนุน อะไรไม่ดี ก็ตรวจสอบ การตรวจสอบการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต ยอมรับเสียดายโอกาส ในการต่อสู้เพื่อสร้างพื้นที่ประชาธิปไตย ที่ทำให้การเมืองไทยออกจากการถูกบีบด้วยการเกลียดเผด็จการ หรือกลัวทักษิณ เมื่อความพยายามไม่สำเร็จ จึงขอตัดสินใจ

1. ขอโทษประชาชนทุกคนที่เลือกประชาธิปัตย์ โดยเข้าใจว่าพรรคจะรักษาจุดยืนที่ตนได้พูดไป

2. ในฐานะ ส.ส. ตนไม่สามารถเดินเข้าไปลงคะแนน จะให้ตนออกเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ผมทำไม่ได้ สัญญาประชาคม ยิ่งใหญ่กว่า ขอบคุณสมาชิกพรรคที่เสนอทางออก ที่พยายามรักษาเกียรติภูมิให้ แต่พรรคไม่มีหน้าที่รักษาเกียรติให้คนหนึ่งคนใด ตนจึงปฏิเสธ ที่พรรคจะให้งดออกเสียง ตนทราบดี ปัญหาทั้งหมดไม่จบ ตนต้องเผชิญปัญหานี้ ทุกสัปดาห์ ตนก็ต้องขอโทษ กรณีการเลือกประธานสภาด้วย มาถึงวันนี้ เหลือทางเดียว ที่จะรักษาเกียรติภูมิตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่ต้องรักษาคำพูด ที่กล่าวไว้ต่อประชาชน เพราะการทำงานของผม ยึดถืออุดมการณ์และหลักการเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย แต่เชื่อว่า อุดมการณ์และหลักการเท่านั้นที่จะสร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชนและประเทศชาติได้

“คานธี เคยส่งจดหมายให้หลาน พูดถึงบาป 7 ประการในสังคม หนึ่งในนั้นคือ การเมืองที่ปราศจากหลักการ ผมไม่สามารถทำบาปนั้นได้ ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจลาออกจากเป็นสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรจากนี้เป็นต้นไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว ก่อนเดินออกจากโพเดียม โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ

มติชนออนไลน์