“ภูมิธรรม” ถาม “ประชาชนอยู่ตรงไหน” ท่ามกลางต่อรองตั้งรัฐบาล จัดสรรผลประโยชน์กำลังริบหรี่

วันที่ 29 พฤษภาคม 2562 นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจระบุว่า

มาถึงวันนี้ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายคงได้ประจักษ์ถึงความบิดเบี้ยวที่พิสดารของรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นผลงานของ คสช. และพวกที่ออกแบบมาเพื่อหวังการสืบทอดอำนาจ

ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการกำหนดให้ สว.ที่มาจากการแต่งตั้งมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

วันนี้เราจึงได้เห็นลีลาทางการเมืองของพรรคฝ่ายที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจซึ่งมีพลังประชารัฐเป็นแกนนำพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลซึ่งยังจัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวและดูเหมือนว่าการเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาลนั้นหนทางที่จะร่วมมือกันดูจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ ทั้งนี้หากจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพเนื่องจากเสียงในสภาที่สนับสนุนนั้นอยู่ในสภาพ”ปริ่มน้ำ”

แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นวันนี้มีข่าวว่าหากการร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จอย่างที่ผู้มีอำนาจตั้งความหวังไว้ถึงขั้นมีการกล่าวอ้างว่าอาจจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้วจะยุบสภา

สภาพดังกล่าว ได้สะท้อนให้เห็นว่า
“การต่อรองทางการเมือง นับวันจะเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้นลงง่ายๆ”

จากนี้ไป……ปัญหาของประเทศ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจะยิ่งได้รับการเหลียวแลลดน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญและจะยิ่งยากลำบากในการแสวงหาหนทางในการคลี่คลายปัญหา ……

การเมืองภายใต้กลุ่มผู้มีอำนาจกลุ่มเดิมนี้ ทำให้ปัญหาของประเทศและประชาชนที่เดือดร้อนที่กำลังต้องการการแก้ไข กลับต้องสะดุดเพราะความพยายามของพลังประชารัฐที่จะให้ อดีตนายกทำหน้าที่ต่อ……

“ประชาชนอยู่ตรงไหน” ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจและจัดสรรผลประโยชน์ของกันและกัน

หากดูผลการเลือกตั้งล่าสุด ที่เชียงใหม่ เขต 8…ซึ่งพรรคฟากฝั่งประชาธิปไตยได้คะแนนอย่างท่วมท้นถือเป็นการยืนยัน “เจตนารมณ์ของ ประชาชนที่ต้องการหลุดพ้นจากการบริหารแบบเดิมๆของพล.อ.ประยุทธและ คณะฯ”

แต่ผลการคำนวณคะแนนสัดส่วน สส ปาร์ตี้ลิสต์ จากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นรูปธรรมที่ชี้ชัดว่า…
“ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฏกติกาพิสดารทั้งหลาย ที่สร้างความสับสนให้ประเทศ”

ผมยังอยากเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่เคยได้รับผลกระทบจากกติกาของผู้มีอำนาจมาร่วมผนึกกำลังกันเพื่อต่อรองผลประโยชน์ให้กับประชาชน…ถึงวันนี้ก็ยังไม่สาย

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พิสดาร และการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน พรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยต้องร่วมมือกัน เพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ จนถึงวันนี้ หากพรรคใดจะเปลี่ยนใจก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ….

ประชาชนรอพิสูจน์คำสัญญาที่ทุกพรรคการเมืองได้เคยประกาศไว้

อย่าให้ประชาชนผิดหวังนะครับ