“หมอวรงค์”แฉภาคต่อ“วีรกรรมปู”ฝันสูงชนะทุกกระดาน เบี่ยงประเด็นคดีข้าวเป็นการเมือง

(30 ธ.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวประเด็นเรื่อง “ข้าว” และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตลอดทั้งปี 2559 ในหัวข้อ “รู้ทันยิ่งลักษณ์เรื่องข้าว บทสรุปแห่งปี” อย่างต่อเนื่องความว่า (อ่านตอนก่อนหน้า)

ประเด็นที่ 4 การเรียกค่าเสียหาย 35,717ล้านบาท

กรณีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว จากยอดทั้งสิ้นประมาณ 178,000 ล้านบาท แต่คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง คิดค่าเสียหายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียง 20% คือ 35,717ล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามพูดตลอดว่าเป็นนโยบายที่ผ่านสภา ต้องการช่วยชาวนา ดังนั้น การดำเนินนโยบายจึงไม่ควรคิดเป็นกำไรขาดทุน แต่ในความเป็นจริง การช่วยชาวนา กำไรหรือขาดทุนไม่มีใครว่า ปัญหาคือความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต ชาวนาได้เงินไม่เป็นไปตามที่กำหนด และมีการทุจริตในขั้นตอนต่างๆมากมาย ดังนั้นการทุจริตต่างหาก ที่ทำให้ต้องมีการเรียกค่าเสียหายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรง

ประเด็นที่ 5 เรียกร้องให้ฟ้องแพ่งกรณีค่าเสียหาย
ประเด็นนี้มีการถกเถียงกันมานาน เพราะรัฐบาลเลือกที่จะใช้พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่มาดำเนินการ แต่ฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์เรียกร้องให้ฟ้องแพ่ง ก็กลายเป็นว่า ฝ่ายจำเลยเป็นผู้ขอเลือกใช้กฏหมายกับตนเอง ซึ่งทางที่จริงแล้ว ฝ่ายรัฐต้องเป็นผู้เลือกใช้ว่าลักษณะความผิดดังกล่าวจะเลือกใช้กฏหมายฉบับใดจึงเหมาะสม ในเมื่อจำเลยดำเนินการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง รัฐจึงเลือกใช้พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ดำเนินการ และเปิดโอกาสให้ร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้เรื่องค่าเสียหายของนายบุญทรงก็ดำเนินขึ้นสู่ศาลปกครอง ตามที่เปิดโอกาสให้ขอความเป็นธรรม และเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็คงใช้สิทธิ์ร้องขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกับนายบุญทรง

ประเด็นที่ 6 กล่าวอ้างว่าใช้ ม.44 ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์-บุญทรง
น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยพยายามกล่าวอ้างว่ามีการใช้มาตรา44 มายึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายบุญทรงซึ่งไม่จริง การดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายนั้น เป็นไปตามขั้นตอนของพ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ เปิดโอกาสให้มีการร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้คดีของนายบุญทรงก็มีการใช้สิทธิ์ตามขั้นตอนนี้ รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มีสิทธิ์ การใช้มาตรา 44 จึงเป็นเพียงให้อำนาจกรมบังคับคดีดำเนินการแทนกระทรวงพาณิชย์เมื่อคดีสิ้นสุด ไม่ได้นำมาตรา44 มาแทรกแซงการดำเนินคดีแต่อย่างใด

ประเด็นที่ 7 พยายามเชิญชวนนำข้าวเป็นของขวัญปีใหม่

เรื่องนี้คงไม่ต่อว่าการกระทำ เพราะการเชิญชวนช่วยชาวนาเป็นสิ่งที่ดี แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์คงต้องการชิงธงนำให้ประชาชนคิดว่าตนเองช่วยชาวนา ทั้งๆที่เรื่องซื้อข้าวสารจากชาวนา ทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล นักการเมือง ข้าราชการ ภาคเอกชน เขาก็ช่วยกันอยู่แล้ว เจตนาที่แท้จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์คงต้องการรีแบรนด์ตนเอง ว่าเป็นคนที่ช่วยชาวนา จะได้ลืมปัญหาความเสียหายจากจำนำข้าว

ประเด็นที่ 8 ผลักบุญทรงให้ออกห่าง

คงเป็นยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อให้น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ห่างๆ นายบุญทรง อาจจะคิดว่าท่าทางนายบุญทรงจะลำบาก ทั้งๆ ที่ในช่วงเป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ให้สัมภาษย์ปกป้องนายบุญทรง และนโยบายรับจำนำข้าวเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้จะพยายามออกห่างอย่างไร ประชาชนก็ยังจำความเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรงกรณีรับจำนำข้าวและจีทูจีได้หมด

ประเด็นที่ 9 อ้างว่าเรื่องคดีข้าวเป็นเรื่องการเมืองและเรียกร้องปรองดอง

ประเด็นนี้เราคงได้ยินบ่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องการเมืองและถูกกลั่นแกล้ง ปัญหาสำคัญนั่นคือความเสียหายที่เกิดจากการทุจริต หรือปล่อยปละให้เกิดการทุจริต ไม่ว่ารัฐบาลใดๆ ที่ดำเนินนโยบาย แล้วมีการทุจริต หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ซึ่งหลายฝ่ายได้มีการเตือนแล้วเตือนอีก ก็ต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกัน ส่วนประเด็นปรองดอง ก็มักจะถูกพูดเรียกร้องความปรองดองอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตนเองจนมุมในข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย ซึ่งในความเป็นจริงของความปรองดอง ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ทุกฝ่ายต้องเคารพกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม เคารพการตัดสินของศาลต่างหากจึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ฝ่ายกระทำผิด ไม่ยอมรับผิดแต่มาเรียกร้องปรองดองแทน

ประเด็นที่ 10 หวังชนะทางการเมือง เพื่อชนะทุกกระดาน

ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากที่สุด ฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์หวังผลมาก นั่นคือเคลื่อนไหวให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องจำนำข้าวให้รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง ให้ประชาชนเห็นใจ ซึ่งเคยได้ผลมาแล้วในอดีต เพื่อนำไปสู่เป้าหมายทางการเมืองคือชนะเลือกตั้ง และใช้อำนาจที่ได้จากการเลือกตั้ง กระทำทุกอย่างตามที่ฝ่ายตนเองต้องการ แม้จะออกกฏหมายนิรโทษ เพื่อให้นักโทษหนีคดีกลับบ้านอย่างเท่ห์ยังกล้าทำ ดังนั้นทุกฝ่ายที่รักความเป็นธรรมรวมทั้งรัฐบาล ต้องตามเกมส์นี้ให้ทัน นั่นคือถ้ามีความเคลื่อนไหวที่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชน ทั้งรัฐบาล และผู้รู้ที่รักความถูกต้องชอบธรรม ต้องช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ อย่าปล่อยจนกลายเป็นกระแสที่ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ เพราะจะนำไปสู่ตามที่ฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษ๊ต้องการ นั่นคือหวังชนะทางการเมือง เพื่อชนะทุกกระดาน

นี่คือบทสรุปที่ต้องรู้ทันน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเชื่อว่าประมาณกลางปี 2560 เรื่องต่างๆเกี่ยวกับข้าว จะมีประเด็นที่ร้อนแรงขึ้นมาอีก เพราะเป็นช่วงใกล้สรุปคดีจำนำข้าวในศาลฎีกา ถ้าสามารถจำประเด็นเหล่านี้ เราจะสามารถรู้เท่าทันกับสิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย จะมาสร้างความสับสนได้