สภาพัฒน์หั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 3.6% หลังไตรมาส 1/2562 อ่วมหนักในรอบ 17 ไตรมาส โตแค่ 2.8% เหตุการค้าโลกเดือดจัด-ไร้เงารัฐบาลใหม่มาบริหาร ด้านส่งออกติดลบ 3.6% คาดทั้งปีขยายตัวจุ๋มจิ๋มแค่ 2.2% แต่ฝันว่ารัฐบาลจะเข็นได้ 3%

สภาพัฒน์หั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 3.6% – นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2562 ขยายตัว 2.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ชะลอลงจากไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนที่ขยายตัว 3.6% และถือว่าขยายตัวได้ต่ำที่สุดในรอบ 17 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2557 โดยเป็นผลมาจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนรุนแรงกว่าที่คาด ทำให้การส่งออกในไตรมาส 1/2562 ขยายตัว -3.6% ขณะที่การบริโภคภาครัฐและเอกชนก็ชะลอตัวลงเช่นกัน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล

“สศช. อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทัน และจัดทำงบประมาณปี 2563 ได้ตามกรอบเวลา และให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น และตัดสินใจต่อเนื่องในการลงทุน ส่วนจะเป็นรัฐบาลเสี่ยงปริ่มน้ำ ก็จะไม่มีปัญหากับการทำนโยบาย เพราะเราเคยผ่านการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะนี้มาแล้ว”นายทศพร กล่าว

ทั้งนี้ สศช.จึงทบทวนประมาณการเศรษฐกิจใหม่ โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะขยายตัวได้ 3.6% ในช่วงคาดการณ์ 3.3-3.8% ลดลงกว่าประมาณการเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 4% ในช่วงคาดการณ์ 3.5-4.5% เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น จะทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวเพียง 2.2% ซึ่งต้องการรัฐบาลใหม่ผลักดันให้ส่งออกขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% ขณะที่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ชัดเจน ที่จะส่งผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะทำให้การเบิกจ่ายมีปัญหาได้

อย่างไรก็ตาม สศช. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณดีขึ้น เนื่องจากไทยจะมีการจัดตั้งรัฐบาลมาขับเคลื่อนนโยบายและรักษาแรงขับเคลื่อนขยายตัวเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่การส่งออกนั้น หากมีรัฐบาลอย่างเป็นทางการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะพยายามผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้ 3% ให้ได้ส่วนการท่องเที่ยวรัฐบาลจะต้องดูแลให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 2.12 ล้านล้านบาท หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยว 40.5 ล้านคน

นายทศพร กล่าวว่า หากปัจจัยบวกต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวต่ำสุดของตัวเลขประมาณการที่ 3.3% ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อประคองเศรษฐกิจ ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเกินไป และการกระตุ้นคงจะเน้นการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ที่ไม่ได้เน้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้โดดเด่น หรือ ทำให้ตัวเลขจีดีพีเติบโตชดเชยการส่งออก ซึ่งเป็นการใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก