สรุปล่าสุด สงครามเย็นเทคโนโลยี จีน vs. สหรัฐฯ หลังกูเกิลระงับบริการให้กับ ‘หัวเว่ย’

ด้วยยอดขายสมาร์ทโฟนกว่า 200 ล้านเครื่อง จึงไม่แปลกใจที่เกิดกระแสความแตกตื่นและหวั่นวิตกกังวลในหมู่ผู้บริโภคว่า สมาร์ทโฟน “หัวเว่ย” ที่ครอบครองอยู่จะไม่ได้รับการซัพพอร์ต จาก “Google”  เพราะเป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกทางการสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำ ใน Entity List ไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ ทำการค้าด้วย  ( ‘ทรัมป์’ เปิดศึกขั้นแตกหักกับ ‘หัวเว่ย’ ออกคำสั่งห้ามซื้อ/ใช้งานอุปกรณ์จากบริษัทที่เสี่ยงต่อความมั่นคง )

แม้ว่า ทางบัญชีทวิตเตอร์ทางการของ Android (@Android)  จะออกแถลงการณ์สั้นๆ ว่า ยังคงให้บริการ Google Play และอัพเดตความปลอดภัยจาก Google Play Protect ให้กับอุปกรณ์ Huawei รุ่นปัจจุบัน  (#Huawei ขึ้นเบอร์ 1 ทวิตฮิตในไทย-ชาวเน็ตตื่นตัวผลกระทบ “หัวเว่ย” โดนแบน)

แต่ก็ยังไม่ชัดเจนถึง “อนาคต” ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 20 พ.ค. 2562  “หัวเว่ย” ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวเป็นภาษาไทยระบุว่า  จากกรณีการนำเสนอข่าวของสํานักข่าวรอยเตอร์ เกี่ยวกับกูเกิลจะระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ยนั้น

หัวเว่ยขอชี้แจงว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เป็นส่วนสำคัญในพัฒนาการและการเติบโตของแอนดรอยด์ทั่วโลก และในฐานะที่เป็นพันธมิตรรายหลักของแอนดรอยด์ในระดับโลก เราได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับแพลทฟอร์มโอเพ่นซอร์ซของพันธมิตรทั่วโลกเพื่อพัฒนาอีโคซิสเต็มที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ใช้และต่ออุตสาหกรรมนี้

หัวเว่ยขอให้ความมั่นใจว่าจะยังคงให้บริการอัพเดทซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัยและบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดต่อไป ครอบคลุมถึงโมเดลที่ได้จำหน่ายออกไปแล้วและที่ยังรอการจัดจำหน่ายอยู่ในสต็อคทั่วโลก

เราขอยืนยันว่าจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างอีโคซิสเต็มของซอฟท์แวร์ที่ปลอภัยและยั่งยืนเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ผู้ใช้ทั่วโลก

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Huawei ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศ ว่า ข้อจำกัดที่สหรัฐฯตั้งขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ Huawei มากนัก และหัวเว่ยยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา แม้ว่าจะไม่สามารถซื้อชิปจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ

ล่าสุด วันที่ 21 พฤษภาคม 2562 สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (Commerce Department) ได้ออกใบอนุญาตชั่วคราว ให้หัวเว่ยสามารถสั่งซื้อสินค้าชิ้นส่วนจากบริษัทของสหรัฐได้ เพื่อให้สามารถดูแล สนับสนุน บำรุงรักษา สินค้าปัจจุบันที่หัวเว่ยจำหน่ายอยู่ต่อไปได้ โดยใบอนุญาตชั่วคราวดังกล่าวมีอายุ 90 วัน จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2019

ทั้งนี้ มีผลทำให้หัวเว่ยยังสามารถทำงานหรือสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทในสหรัฐอเมริกา อาทิ กูเกิล, อินเทล ฯลฯ ได้เป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะการบริหารจัดการอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายในตลาดไปแล้ว แต่ยังคงถูกสั่งห้ามไม่ให้นำไปผลิตอุปกรณ์หรือสินค้าใหม่ๆ หากไม่ได้รับอนุญาตจากทางการสหรัฐ