แบงก์ชาติห่วงไทยถูกสต็อกสินค้าทุ่มตลาดหลังสงครามการค้าระอุ

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วย ผู้ว่าการสายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐและจีน ที่สหรัฐได้มีการปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น25% จากเดิม10% และล่าสุดจีนได้มีมาตรการตอบโต้โดยการปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ ว่าสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐกับจีนโดยรวมเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกเนื่องจากจะกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 3 ด้านได้แก่ 1.การชะลอตัวของการค้าโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่มีความเชื่อมโยงกับต่างประเทศสูงรวมทั้งไทยทั้งด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว 2.ด้านการค้าผลกระทบจะมีทั้งด้านบวกและด้านลบในแต่ละอุตสาหกรรมเช่นสินค้าไทยที่ส่งไปประกอบในจีนและเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตที่ส่งต่อไปยังตลาดสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบแต่ขณะเดียวกันสินค้าที่ได้รับประโยชน์จะเป็นกลุ่มที่สามารถส่งไปยังตลาดสหรัฐเพื่อทดแทนสินค้าจากจีนและ 3.ด้านการลงทุนอาจจะมีการย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียนและไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าซึ่งการลงทุนอาจใช้เวลาในบางอุตสาหกรรมเพื่อวางแผนการย้ายกระบวนการผลิต

สงครามการค้ากระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุนที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง  จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือเรื่องการระบายสินค้าที่ส่งไปขายไม่ได้ในระหว่างคู่ค้าหลักเข้ามาทุ่มในตลาดประเทศที่สามอย่างไทย  และควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ธปท.จะมีการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเดือนมิถุนายนนี้นางจันทวรรณกล่าว

 

มติชนออนไลน์