เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกาดิ่งลงในทันทีที่เปิดทำการซื้อขายในช่วงเช้าของวันจันทร์(13 พ.ค.)นี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากจีนประกาศจะทบทวนปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้าสหรัฐที่นำเข้ามาในประเทศจีน มีมูลค่ารวม 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะปรับเพิ่มขึ้นระหว่าง 20-25 เปอร์เซ็นต์ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้าจีนมีมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เดิมเรียกเก็บในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 25 เอปร์เซ็นต์ ซึ่งมีผลไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดการซื้อขายไปได้เพียง 3 นาที ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ได้ปรับลดลงไปมากกว่า 460 จุด หรือ 1.8 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 25,479.69 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลงไป 1.8 เปอร์เซ็นต์ ที่ 2,830.61 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับลดลงไป 3.1 เปอร์เซ็นต์ ที่ 7,674.47 จุด

รอยเตอร์อ้างกระทรวงการคลังจีนแถลงว่าสินค้าสหรัฐจำนวนทั้งสิ้น 5,140 รายการ จะถูกจีนพิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีแตกต่างกันไป ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งสิ้น 2,493 ราย ซึ่งรวมถึงก๊าซเอ็นจีวี ส่วนสินค้าสหรัฐ 1,078 รายการ จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้านี้จีนประกาศจะปรับขึ้นอัตราภาษีที่ระหว่าง 5-10 เปอร์เซ็นต์ ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐจำนวน 5,207 รายการซึ่งมีมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน พร้อมขู่เตือนว่าจีนจะตอบโต้ด้วยอัตราภาษีที่สูงกว่าที่สหรัฐใช้ตอบโต้สินค้าจีน

“การปรับอัตราภาษีเพิ่มเติมของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้การกระทำเพียงฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ” แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังจีนระบุ พร้อมแสดงความหวังว่าสหรัฐจะกลับมาดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้องในการทำการค้าระหว่างกันและการปรึกษาหารือกันทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการพบกันครึ่งทางกับจีน

มติชนออนไลน์