พท. ซัดกติกาบิดเบี้ยว ทำทุกพรรคเป็นแหล่งเพาะงูเห่า ‘ภูมิธรรม’ มั่นใจ ซีกปชต.ยังปึ๊ก!

“เพื่อไทย” ชี้ พรรคการเมืองแบ่ง 3 กลุ่ม จี้ ขั้วที่สาม “ปชป.-ภท.-ชทพ.-ชพน.” ตัดสินใจให้เร็ว “ภูมิธรรม” บอก “งูเห่า” เกิดที่เพื่อไทยก็ได้ เตือนใครเห็นแก่ประโยชน์​ จะเป็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสุดท้ายของชีวิต​ เผย​ 16​ พ.ค. เตรียมประชุมส.ส.ทั้งหมด

10 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.)​ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ 7 พรรคการเมืองที่เคยลงสัตยาบัน ยังเหนียวแน่นอยู่ด้วยกันอย่างแข็งแรง เพราะเราไม่ได้มีเจตนารมณ์มารวมกันเพื่อตั้งรัฐบาล แล้วมานั่งแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี​ แต่มารวมกันเพราะประกาศชัดว่า ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ​อีกรอบ ซึ่งขณะนี้การเมืองมีปัญหาอยู่ในภาวะไม่เป็นปกติ เลือกตั้งมาเกือบ 2 เดือน ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ เพราะความไม่ปกติของกติกาที่ออกแบบมาเพื่อการเลือกตั้ง ดังนั้น​ เมื่อเราร่วมมือกัน แม้จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม แต่หากเราเป็นเสียงข้างมากในสภา และเป็นเสียงที่จัดตั้งรัฐบาลได้ เราก็จะดำเนินการ เพื่อแก้ปัญหา 1.ไม่ให้ส.ว. มีอำนาจเข้ามาเลือกนายกฯ ซึ่งการเลือกนายกฯ จะต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้เลือกส.ส.ของเขาเข้ามา 2.การออกแบบกฎหมายเลือกตั้ง หรือการดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งนอกจากจะสะท้อนความไร้ประสิทธิภาพขององค์กรที่จัดการเลือกตั้งแล้ว ยังสะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์ขององค์กรและกติกาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ดังนั้น​ เราจะแก้ไขให้กฎหมายเลือกตั้งไปสู่สภาวะปกติเพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งสะท้อนเจตนารมณ์อย่างแท้จริง ทั้งนี้ 7 พรรคยังคงยืนยันในกรอบนี้และหาความเห็นชอบจากองค์กรต่างๆ ต่อไป

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้กำลังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ยืนยันว่า เสียงที่จะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนมี 1. กลุ่ม​ 7​ พรรคที่ผลักดันประชาธิปไตย 2. กลุ่มของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)​ ซึ่งตนยังไม่เคยเห็นพรรคนี้จับมือกับพรรคต่างๆ แล้วแถลงว่าตนเองมีเสียงสนับสนุนเท่าไหร่ เท่าที่เห็นพรรคประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ มี 3 พรรคการเมือง​ รวมกันได้ 137 เสียง ขณะที่กลุ่มที่ 3 คือพรรคประชาธิปัตย์​(ปชป.), พรรคภูมิใจ​ไทย​(ภท.), พรรคชาติ​ไทย​พัฒนา​(ชทพ.)​ และ​ พรรคชาติพัฒนา(ชพน.)​ ยังไม่แสดงท่าทีทางการเมือง ดังนั้น​ เป็นเพียงความเชื่อและความอยากของพรรคพลังประชารัฐ ตราบใดที่ยังไม่สามารถมานั่งรวมกันและแถลงประกาศจับมือและมีเสียงเกิน 255 ได้ ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความอยากเฉพาะตน ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นฉันทานุมัติ

เมื่อถามว่า​ จะสามารถรวมเสียงได้มากกว่า​ 7​ พรรคที่มีอยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลาเปลี่ยนแปลงตลอด และเรายังไม่หยุดคุย สิ่งที่เรานำเสนอคืออุดมการณ์ของทั้ง​ 7​ พรรคที่ต้องการให้สังคมไทยหลุดพ้นจากปัญหา ดังนั้น ใครที่เห็นตรงกับเราก็สามารถร่วมกันได้ ส่วนโอกาสจับมือกับกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์​ พรรคภูมิใจ​ไทย​ พรรคชาติไทยพัฒนา​ และพรรคชาติพัฒนา​นั้น ตนคิดว่า สิ่งสำคัญของการเป็นนักการเมืองและพรรคการเมือง คือเราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้พูดไว้กับประชาชน และการเมืองต้องอยู่กับปัจจุบัน​ ต้องอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน ตนคิดว่า วันนี้เราเห็นกันอยู่แล้วว่าการเมืองมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ ซีกประชาธิปไตยมี 245 เสียง ซีกพลังประชารัฐมี 137 เสียง และกลุ่มที่สามคือพรรคขนาดกลางมี 121 เสียง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ต้องมาดูอุดมการณ์ของกลุ่มที่สามตรงกับกลุ่มไหน ก็สามารถไปร่วมมือกันได้ แต่อย่าใช้เวลาตัดสินใจนานมากเกินไป เพราะปัญหาของประชาชนมีมาก​ ไม่สามารถรอได้

เมื่อถามว่า​ ได้ต่อสายคุยกับนายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ หัวหน้า​พรรค​ภูมิใจ​ไทย​ บ้างหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเมืองเป็นเพื่อนกันหมด เราเคารพทุกความคิด ให้แต่ละฝ่ายได้คิดว่า จะหาทางออกให้ประเทศอย่างไร ถือเป็นการพูดคุยหลายกลุ่มในหลายระดับ คงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

เมื่อถามถึงปัญหางูเห่าที่อาจจะเกิดขึ้น​ในพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า งูเห่าเกิดขึ้นจากกติกาที่ถูกออกแบบมาอย่างพิกลพิการ เมื่อไม่มีวินัยของพรรคไปควบคุมแล้ว​ ให้อิสระส.ส. คิดและตัดสินใจได้เอง เมื่อกติกาบิดเบี้ยวอย่างนี้ทำให้งูเห่าเกิดขึ้นได้ และเกิดได้ทุกพรรค กับพรรคเพื่อไทยก็เกิดได้ มันเกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตาม​ ตนยังเชื่อมั่นในคนของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ส่วนใหญ่จะยึดมั่น​ในสิ่งที่เราทำและพูดมาตลอด ถ้าใครจะคิดเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าที่มากหรือน้อยก็ตาม ก็อาจจะเห็นการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสุดท้ายของชีวิตทางการเมืองของเขา อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 พฤษภาคม​ พรรคจะเรียกประชุม ส.ส.ใหม่ และวันที่ 16 พฤษภาคม​ พรรคจะเรียกประชุม ส.ส.ทั้งหมดด้วย