‘อดีตขุนคลัง’ แนะสังคมต้องให้โอกาส ‘ธนาธร’ พิสูจน์ตัวเอง ชี้การเอกซเรย์เพิ่งเริ่ม ระบุเป็นวิบากกรรมคนรวยเล่นการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า “วิบากกรรมคนรวยมาเล่นการเมือง” มีรายละเอียดคือ

นักการเมืองที่มีฐานะดีมีแยะ แต่รายที่รวยจากกิจการครอบครัวที่ตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดควบคุม กรณีที่เป็นกิจการขนาดยักษ์ใหญ่นั้นมีน้อย ตัวอย่างเช่น คุณทักษิณ นายเบอร์ลุสโคนี่ของอิตาลี นายทรัมป์ของสหรัฐ

บุคคลเหล่านี้จะเสี่ยงต่อความผิดจากผลประโยชน์ทับซ้อน และธุรกิจครอบครัวจะถูกเอกซเรย์ จะลามไปทั้งพ่อแม่ ลูก พี่น้อง และคู่สมรส

กรณีคุณธนาธรที่มีปัญหาการถือหุ้นในสื่อนั้น ข่าวระบุว่า

‘นับตั้งแต่กรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ถูกเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน

ทั้งนายธนาธรและแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ออกมาชี้แจงและแสดงเอกสารหลักฐานการโอนหุ้นหลายครั้งว่า กระทำการในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ก่อนที่นายธนาธรจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 6 ก.พ. 2562

การออกมาชี้แจงเกิดขึ้น และไม่ตรงกับตราสารหุ้นที่นายธนาธรเปิดเผยต่อสาธารณะ

การยึดว่าวันใดเป็นวันที่นายธนาธรโอนหุ้น จึงเป็นประเด็นสำคัญว่าจะทำให้เขาขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร ส.ส.หรือไม่

ในการแถลงข่าววันนี้ นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ไม่ตอบว่า การแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร กกต.ให้น้ำหนักต่อประเด็นวันโอนหุ้น หรือวันแจ้งโอนหุ้นตามเอกสารที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่ตอบเพียงว่า

“ตอนนี้ยังแค่มีมูลที่จะแจ้งข้อกล่าวหา อยู่ที่พยานหลักฐานของคณะกรรมการสืบสวน และหลักฐานที่อีกฝ่ายนำมาแย้ง” ‘

ผมเคยเขียนไว้ว่า เนื่องจากมีการทำเอกสารการโอนไว้ตั้งแต่ 8 ม.ค. และระบุว่า ชำระเงินเป็นเช็คขีดคร่อม A/C payee ซึ่งจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีผู้ที่ระบุชื่อเท่านั้น

ดังนั้น แค่เพียงถ้านำแบงก์สเตตเมนต์มาแสดงว่า เช็คดังกล่าวผ่านบัญชีหลังวันที่ 8 ม.ค. ไม่กี่วัน กกต.ก็ไม่น่าจะสรุปข้อกล่าวหามีมูลได้

ส่วนการอ้างแบบรายงานที่ส่งกระทรวงพาณิชย์ประกอบการประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ผมเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้โอนและผู้รับโอน

การที่ กกต.สรุปว่าข้อกล่าวหามีมูล ผมจึงคาดเดาว่า อาจจะไม่มีแบงก์สเตตเมนต์สนับสนุนดังกล่าว หรือถ้ามี ก็อาจจะมีข้อมูลอื่นที่บ่งชี้เป็นข้อสงสัย ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร

ในเรื่องนี้ สังคมควรให้ความเป็นธรรมแก่คุณธนาธรอย่างเต็มที่ และอย่าเพิ่งออกอาการดีใจ จนกว่าเรื่องมีข้อยุติ ส่วนคุณธนาธรจะเป็นผู้เดียวที่รู้ว่า กกต.ยังติดใจประเด็นใด และต้องหาหลักฐานมาแก้ให้ได้

แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายคุณธนาธรมีความพยายามจะอธิบายเรื่องอย่างละเอียด และยิ่งแถลงข้อมูลมาก ก็ปรากฏว่า ยิ่งแถลง สื่อก็ยิ่งวิเคราะห์เจอข้อมูลขัดแย้ง

ผมเคยเห็นกรณีของนักการเมืองเก่าๆ บางรายที่มีเรื่องที่เข้าข่ายน่าสงสัยมาก แต่เอาตัวรอดได้เพราะแถลงน้อย ยึดแต่เฉพาะจุดที่กฎหมายจะเอาผิดได้ หรือไม่ได้ เท่านั้น ไม่แคร์ข้อสงสัยอื่น แต่ก็เอาตัวรอดได้

แต่กรณีคุณธนาธร อาจจะเพราะเป็นนักการเมืองสมัยใหม่ และเนื่องจากอาศัยกระแสความนิยม จึงได้ออกมาให้ข้อมูลครั้งแล้วครั้งเล่า โดยหลายบุคคล

การแถลงแบบครอบคลุม หลายแง่มุม เพื่อจะทำให้ภาพพจน์สะอาดหมดจดนั้น ถ้าหากเป็นเรื่องที่ไม่จริง ก็ย่อมจะมีข้อมูลขัดแย้งโผล่ออกมาเป็นธรรมดา

และใครจะรู้ว่า ถ้าสมมุติเกิดกรณีศาลวินิจฉัยว่าผิดกฎหมาย บุคคลอื่นในครอบครัวที่เกี่ยวข้องจะเข้าข่ายต้องเข้ามาร่วมมีปัญหาด้วยหรือไม่

เหตุการณ์นี้ย่อมทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องตระหนักว่า ถึงแม้สังคมจะชื่นชอบการนำเสนอแนวคิดและนโยบายที่ดีก็ตาม แต่นิสัยพื้นฐานของบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน

สำหรับคุณธนาธรซึ่งสังคมควรให้โอกาสพิสูจน์ตนเอง และให้ความเป็นธรรมเต็มที่นั้น

เนื่องจากเป็นบุคคลมีฐานะดี ที่ร่ำรวยจากกิจการครอบครัวที่บุคคลใกล้ชิดควบคุม และเป็นกิจการขนาดยักษ์ใหญ่ ดังนั้น ถ้ายังเล่นการเมืองต่อไป ก็จะต้องยอมรับว่า ปัญหาเอกซเรย์เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

[ผมขอเพิ่มเติมว่า กกต.ควรจะถูกวิจารณ์ด้วยว่า ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับ พปชร.มิได้คืบหน้าเท่ากัน

ผมทำหนังสือย้ำให้ตรวจสอบเรื่องโต๊ะจีน แต่ก็ยังไม่แถลงความคืบหน้าอะไรเลย]