เมื่อวันที่ 24 เมษายน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบราว 6 เดือนในวันอังคาร (23 เม.ย.) ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเทศในอ่าวอาหรับที่เป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พร้อมที่จะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน ก็ต่อเมื่อมีอุปสงค์ในน้ำมันดังกล่าว โดยทางกลุ่มจะรอดูว่ามีอุปสงค์ที่แท้จริงหรือไม่ ก่อนที่จะผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยปริมาณอุปทานที่ลดลงเพราะมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 75 เซนต์ หรือ 1.1 % มาปิดตลาดที่ 66.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะ 66.60 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2018 ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.6 % สู่ 74.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงท้ายตลาด หลังจากขึ้นไปแตะ 74.73 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2018

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. แต่สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยปริมาณการผลิตของซาอุดิอาระเบียจะยังคงอยู่ภายในโควต้าการผลิตที่กำหนดไว้ในข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก+ ทั้งนี้ ข่าวนี้แสดงให้เห็นว่าซาอุดิอาระเบียจะไม่รีบร้อนเข้ามาชดเชยอุปทานที่หายไปในตลาด

ราคาสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐเดือนใกล้ขึ้นมาอยู่สูงกว่าสัญญาเดือนไกลในวันจันทร์ หรือเกิดภาวะ backwardation และภาวะนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีกในวันอังคาร ทางด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดว่า ภาวะอุปทานหดตัวในช่วงนี้จะกินเวลาไม่นานนัก เพราะว่าซาอุดีอาระเบียมีความสามารถในการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน

หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร (23 เม.ย.) การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 เม.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 6.9 ล้านบาร์เรล สู่ 459.6 ล้านบาร์เรล ถึงแม้นักวิเคราะห์คาดว่าอาจปรับขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล

มติชนออนไลน์