งัดหลักฐานใหม่ฟ้องผอ.พศ. ปมประพฤติมิชอบ แจ้งจับพระผู้ใหญ่เซ่นคดีเงินทอนวัด

เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.)

กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ และคณะ นำหลักฐาน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมเกียรติ พิมพกันต์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5 บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(ผอ.พศ.) กรณีกล่าวหาพระสงฆ์โดยมิชอบในคดีทุจริตเงินทอนวัด

โดย ดร.จรูญ กล่าวว่า ตามที่พ.ต.ท.พงศ์พร ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ในคดีร่วมกันฟอกเงินที่ได้รับจากสำนักงานพระพุทธศาสนา ปีงบประมาณ 2556-2557 จากโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่าย จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษา โดยกล่าวหาว่าวัดไม่มีโรงเรียนอนุบาล ทั้งที่ตามจริงแล้ว โครงการสนับสนุนที่ว่า เป็นเพียงชื่อแผนงานโครงการเท่านั้น เงินสนับสนุนดังกล่าวจึงเป็นงบอุดหนุนทั่วไป ทำให้การกระทำของ ผอ.พศ.เข้าข่ายแจ้งความเท็จ แต่เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาประพฤติและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามความผิดอาญามาตรา 157

ดร.จรูญ กล่าวต่อ นอกจากนี้ ในแผนเงินอุดหนุนงบประมาณดังกล่าว ยังมีรายชื่อวัดอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.ลพบุรี ที่ได้รับเงินอีกรวมแล้ว 9 วัด เหตุใดมีเพียงพระของวัดสามพระยา ที่ได้รับเงินจำนวน 5 ล้านบาท และวัดสัมพันธวงศารามจำนวน 2 ล้านบาท ที่ถูกดำเนินคดี เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ สำหรับพระสงฆ์ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้าแล้ว ทางเราได้ยื่นขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อทำการปล่อยตัว เนื่องจากเป็นการจับกุมโดยมิชอบ ตาม ป.วิอาญา ม.90 แต่ศาลให้ความเห็นว่ากระบวนการได้ผ่านมาแล้ว จึงยกคำร้องไป ทางเราจึงจะนำเรื่องยื่นคำร้องร้องใหม่ เนื่องจากเพิ่งได้รับหลักฐานชิ้นนี้มาประกอบการแจ้งความเพิ่มเติม

เบื้องต้น พ.ต.ท.สมเกียรติ รับเรื่องร้องทุกข์ของผู้แจ้งความไว้ พร้อมสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาเสนอผู้บังคับบัญชา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายงานแจ้งว่า สำหรับสำนวนคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริต สั่งลงโทษ นายสมเกียรติ ขันทอง หรือ อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ถูกฟ้องในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินที่ร่วมกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ. ทุจริตเงินอุดหนุนกิจการพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัด ซึ่งพบว่า อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด 12 คดี ใน 12 วัด มูลค่าความเสียหายประมาณ 28 ล้านบาทนั้น เป็นคดีในล็อตแรก โดยทาง บก.ปปป.ได้ดำเนินการร่วมกันกับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ขยายผลไปยังล็อตอื่นๆ เพิ่มเติม โดยคดียังอยู่ในชั้นสืบสวน

มติชนออนไลน์