คลังอัด2หมื่นล.พยุงศก.รอรัฐบาลใหม่ ‘เติมเงินคนจน-ช้อปเปิดเทอม-ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว’

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาร่วมประชุมกับผู้บริหารคลัง เพราะรัฐบาลนี้เหลือเวลาไม่เกิน 2 เดือน แต่ในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ทำให้เกิดไม่แน่นอนในหลายประเด็นทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานว่าในช่วงไตรมาส 2 มีสัญญาณเศรษฐกิจอ่อนตัวลง และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีหากทุกอย่างชัดเจนสถานการณ์จะดีขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาเพื่อพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงรอยต่อรัฐบาลไม่ให้ชะลอตัวมากเกินไป โดยเป็นมาตรการดำเนินการ 2-3 เดือนเพื่อรอรัฐบาลใหม่

“สศค.นำเสนอมาตรการ 2-3 เรื่อง เช่น มาตรการเกี่ยวกับบริโภค กระตุ้นการท่องเที่ยวใช้จ่าย ช่วยคนจน เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และเกี่ยวข้องกับการลงทุนบางส่วน ซึ่งผมให้คอมเม้นท์ไปว่ามาตรการต้องมีผลให้สามารถดูแลการเติบโตเศรษฐกิจพอสมควร และให้นำกลับไปปรับปรุงเพื่อนำเสนอครม.ภายใน 2 สัปดาห์”นายสมคิดกล่าว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 1 และ 2 มีแนวโน้มเติบโตในระดับ 3% ต้นๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นออกมา เพื่อไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจตกไปมากกว่านี้ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจในช่วง 2-3 เดือน โดยมี 2-3 เรื่องจะดำเนินการ คือ มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการท่องเที่ยวให้เป็นการทั่วไปไม่เน้นเฉพาะเมืองรอง เนื่องจากพบว่าการท่องเที่ยวจังหวัดใหญ่เริ่มมีปัญหา

นายอภิศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มาตรการลดหย่อนภาษีช่วงเปิดเทอม สำหรับซื้อเสื้อผ้า เครื่องใช้กีฬา คล้ายกับช้อปช่วยชาติ แต่ทำเฉพาะเปิดเทอม รวมถึงจะเติมเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการเพื่อนำไปซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา หนังสือสำหรับช่วงเปิดเทอม นอกจากนี้ลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหนังสือ โดยทำตลอดทั้งปีไม่จำกัดเฉพาะช่วงเวลา เพื่อส่งเสริมทุนมนุษย์ของไทยในอนาคต รวมถึงมีมาตรการหักค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องพีโอเอส(POS) เพื่อส่งเสริกมการลงทุนเรื่องภาษีอิเล็กทรอนิกส์ สามารถหักรายจ่าย 1.5-2 เท่า ซึ่งเท่ากับรัฐบาลช่วยผู้ลงทุนและปรับระบบไปในตัว

นายอภิศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มีแนวทางที่จะส่งเสริมพัฒนาทุนมนุษย์ในระยะยาวว่าจะทำอย่างไร โดยให้คนที่อยากเรียนวิชาการสอดคล้องกับความต้องการตลาดในอนาคตสำหรับ 10 อุตสาหกรรม จะให้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ให้สิทธิประโยชน์พิเศษกับนักศึกษาเรียนดังกล่าว

นายอภิศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาว่าผู้กู้ไม่สามารถกู้เงินได้ จากหลักเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ) ทำให้แบงก์พาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยกู้ในช่วงนี้ ดังนั้นจะให้แบงก์รัฐคือออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เข้าไปช่วย ตรงนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่มีการยกขึ้นมาพูดในที่ประชุม โดยให้ไปดูว่าจะเข้าไปช่วยภาคสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาอย่างไร

“ก่อนหน้าที่รัฐบาลนี้เข้ามาตัวแรกเริ่มดูแลคือภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีผลกระทบมาก ถ้าตัวนี้ดีตัวอื่นดีไปด้วย อาจทำเผื่อไว้พอรัฐบาลใหม่มารับไม้ต่อไป ดังนั้นมาตรการทำต้องไม่ใช่มาตรการยาว จะดูเฉพาะในช่วงของรัฐบาลนี้2-3 เดือน คาดว่ามาตรการออกมาจะจะประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงนี้ไม่ให้ทรุดไปกว่านี้ และคิดว่ารัฐบาลใหม่ไม่อยากเริ่มจากเศรษฐกิจที่ทรุดเพราะเหนื่อยมากที่จะทำให้กลับมาอยู่ในระดับเดิม”นายอภิศักดิ์กล่าว

มติชนออนไลน์