นักวิชาการ ชี้ แนวคิดไพบูลย์ ตีความใช้ 2 สภาร่วมลงมติ แปลกประหลาด-อันตรายยิ่ง

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวแสดงความเห็นกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป อ้างใช้ ม.270 เพื่อผ่าทางตัน “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ด้วยการให้ 250 ส.ว.ร่วมโหวตงบประมาณแผ่นดิน โดยระบุว่า

“ข้อเสนอที่ให้ใช้ ม.270 ของรัฐธรรมนูญมาเป็นทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาการออกกฎหมายต่างๆ ทั้งนี้ เพราะเรื่องเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลในอนาคต หากพิจารณาตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าเป็นเรื่องไม่พึงเสนอให้กระทำและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง 1. ม.270 อยู่ในบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจแก่วุฒิสภาเป็นการ “เฉพาะเรื่อง” กล่าวคือ วุฒิสภามีอำนาจร่วมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวพันกับการปฏิรูปประเทศเท่านั้น ไม่ใช่การตราตัวบทกฎหมายทั่วๆ ไป” นายพรสันต์ระบุ

นายพรสันต์กล่าวต่อว่า “2. การอาศัย ม.270 เป็นฐานอำนาจในการออกกฎหมายคือการตีความให้กฎหมายทุกฉบับเป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศทั้งหมด การตีความเช่นนี้ก่อให้เกิดผลอันแปลกประหลาด ขัดแย้งต่อ “เหตุผลของเรื่อง” (Nature of things) ที่ใช้กำกับในการตีความรัฐธรรมนูญด้วย กล่าวคือ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ม.270 เอง กล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากตีความเช่นนี้ ต่อไปการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติจะมาใช้และอ้างอิง ม.270 เพียงมาตราเดียวเท่านั้นอันถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดยิ่ง”

และว่า “3.การตีความเช่นนี้ส่งผลเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งตามหลักวิชาอาจกล่าวได้ว่าเป็นการตีความอันมีลักษณะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยพฤตินัย (De Facto Constitutional Amendment) เพราะเป็นการขยายอำนาจให้แก่วุฒิสภาในการตรากฎหมายอย่างชัดแจ้ง ส่งผลกระทบต่อการใช้และความสัมพันธ์ในทางอำนาจระหว่างองค์กรทางรัฐธรรมนูญด้วยกันอีกด้วย อันอาจส่งผลกระทบและความเสียหายต่างๆ ตามมาอีกมากมาย เราพึงต้องตระหนักด้วยว่าปัญหาหนึ่งของวิกฤตระบอบรัฐธรรมนูญไทยที่ผ่านมาคือ การ (พยายาม) ตีความ หรือบังคับใช้ที่ไม่สอดคล้องตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่แท้จริง (Constitutional fidelity) ดังนั้น จึงพึงหลีกเลี่ยง ไม่เช่นนั้นก็จะกลับไปสู่วังวนเดิมอีกครับ” นายพรสันต์กล่าวทิ้งท้าย

มติชนออนไลน์