เมื่อวันที่ 17 เมษายน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ระหว่างที่สังคมให้ความสนใจเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและบทสรุปของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตีความการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ตามที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องมาอย่างไรนั้น ประเด็นที่น่าสนใจ และควรมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมคือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โค้งสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการลงนามเอกชนรับงาน 20 สัญญา รวมมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ว่า มีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ แม้จะมีข้อแก้ตัวว่าสามารถทำได้เพราะกฎหมายกำหนดให้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ แต่ในสายตาของสังคมกลับมองไปในทิศทางตรงกันข้ามว่าไม่สมควร เนื่องจากไม่มีสภาฯ ของประชาชนตรวจสอบ จนถึงกับมีการพูดกันว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารงานไม่เป็น เก่งอย่างเดียวคือ เรื่องใช้เงิน

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องคือ กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วม ครม.-พวก ลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงินบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เหตุข้อกล่าวหาไม่มีมูล สะท้อนให้เห็นว่า ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยและมุ่งหวังผลทางการเมืองมากกว่า ซึ่งไม่ควรนำองค์กรตรวจสอบมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะทำให้นโยบายดีๆ ต้องหยุดชะงัก ฉุดประเทศล้าหลังประชาชนเป็นผู้รับความเสียหาย

“แม้การคืนความยุติธรรมให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะจะล่าช้าไป แต่ก็ได้พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นอย่างชัดเจนการทำหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ก็ตีตกข้อกล่าวต่างๆ ไปแล้วถึง 4 คดี และยังเหลือคดีที่อยู่ในการพิจารณาอีก 7 กรณี ซึ่งก็ได้แต่หวังว่า ป.ป.ช.จะพิจารณาด้วยความยุติธรรมเหมือนในกรณีดังกล่าว” นางลดาวัลลิ์ กล่าว

มติชนออนไลน์