พุทธะอิสระอ้าง สาวกธรรมกายรับเงิน500บ.นั่งเป็นหน้าม้า ลั่น ถ้ารบ.แป้กพบยุทธวิถี“พระป่า”แน่

AFP PHOTO / Manjunath Kiran

วันนี้ (21 ธ.ค.) พระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และแกนนำกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ตนได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อคำถามที่ว่า “รู้สึกอย่างไรกับการที่รัฐบาลไม่ดำเนินการอย่างจริงจังกับพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ทั้งที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับถึง 3 คดี” ว่า

“ฉันเชื่อและมั่นใจในสัจจะของลูกผู้ชายชาติทหารของหัวหน้า คสช. นะ เขาเป็นผู้อาสาเข้ามาและรับปากกับคนไทยทั้งประเทศเองว่าจะเป็นผู้เข้ามาคืนความสุขให้ประชาชน จะบริหารบ้านเมืองนี้ด้วยการยึดหลักของกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไร เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนคนไทยทุกคนต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย เจ้าลัทธิทำจนตัวตาย ก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้จะนุ่งห่มจีวรเป็นนักบวชก็ตาม” พระพุทธะอิสระ กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ท่านแน่ใจหรือว่ารัฐบาล คสช. จะเอาจริงกับคดีธัมมชโย เพราะเห็น ตีฆ้องร้องเป่ามาหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเข้าไปจับตัวมาสู่กระบวนการยุติธรรมเสียที”

พระพุทธะอิสระ ตอบว่า “กลับเป็นเรื่องดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้เงินทองเคลื่อนย้ายถ่ายเทจากกระเป๋าธรรมกาย ที่ดูดเข้าไปเก็บเอาไว้มากมายได้ไหลมาเข้ากระเป๋าญาติธรรม พวกคุณก็คงจะรู้ว่า คนที่เข้าวัดธรรมกาย นอกจากจะเข้าไปด้วยความศรัทธาแล้วก็ยังมีกลุ่มที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ และกลุ่มที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ก็มีด้วยกัน 3 กลุ่ม ซึ่งเดิมที กลุ่มที่เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์มีอยู่แค่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้รับเหมาและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหารัมทรัพย์และการก่อสร้าง กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มธุรกิจขายตรง ซึ่งก็สามารถเข้าไปสร้างเครือข่ายในหมู่ญาติธรรมสาวกอลัชชีทำจนตัวตายได้ไม่น้อย

แต่หลังจากมีเหตุการณ์ เจ้าลัทธิหนีหมายศาลมาจนถึงวันนี้ ผู้ที่พากันนั่งรถบัสมาจากต่างจังหวัดแดนไกล เพื่อมาปักหลักพักค้างหลายๆ คืน ลัทธิทำจนตัวตายจะต้องจ่ายเงินจ้างวันละ 500 บาทต่อหัวต่อคน ผู้เฒ่า ผู้แก่นั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีรายได้ ก็มีบรรดาหน้าม้าลัทธิธรรมกาย เดินทางไปชักชวนให้มากินมานอนอยู่ที่ลัทธิธรรมจนตัวตาย แถมได้ตังค์วันละ 500 บาท พวกนี้แหละคือคนกลุ่มที่ 3 ที่เข้าไปอยู่ในสำนักทำจนตัวตายในเวลานี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาตีฆ้องร้องเป่าครั้งหนึ่ง ลัทธินี้ก็จะต้องเจ็บตัวจ่ายเงินครั้งหนึ่ง นอกจากจะจ่ายเงินค่าหัวแล้ว ยังต้องจ่ายเงินค่ารถ ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าเครื่องดื่ม ค่าหยูกยา จิปาถะสารพัด ถ้าฉันเป็นรัฐบาล ฉันจะตีฆ้องร้องเป่า อาทิตย์ละครั้ง จนกว่าเงินที่มันดูดไปจากประชาชน กลับคืนมาสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากเท่ามาก”

พระพุทธะอิสระ กล่าวต่อว่า “และคุณ ก็ต้องไม่ลืมนะว่า คนที่เป็นผู้ต้องหาหนีหมายศาล ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกวัวสันหลังหวะ พอได้ยินว่าตำรวจจะมาจับ หรือแมลงวันบินมามันก็จะทุรนทุราย หลบลี้ ปิดโน่น ป้องกันนี่ เป็นอยู่อย่างไม่มีความสุขสงบ ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะบุกเข้ามาค้นมาจับตัวเมื่อไหร่ รวมความว่า การที่รัฐบาลเขาโวยวายตีฆ้องร้องเป่า ว่าจะบุกเข้าไปจับอลัชชีเจ้าลัทธิเมื่อนั้นเมื่อนี้ มันคือยุทธวิธีของเขา และเมื่อใดที่สาวกลัทธินี้มันเริ่มอ่อนแรง เมื่อนั้นแหละจะเป็นวันเผด็จศึกล่ะ”

“อีกอย่างหนึ่ง พวกคุณได้สังเกตสังคมรอบข้างพวกสาวกธรรมกายบ้างไหมว่า เวลานี้ สาวกลัทธินี้ก็อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมยากขึ้น เพราะตอบปัญหาชาวบ้านเขาไม่ได้ว่า ทำไมเจ้าลัทธิถึงไม่ยอมไปรับหมายศาล แม้พวกสาวกจะพยายามอธิบายให้สังคมได้ฟังว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่มีใครเขาเชื่อ เพราะศาลผู้พิพากษาหาใช่คู่ขัดแย้งกับเจ้าลัทธิไม่ ทุกอย่างว่าไปตามตัวบทกฎหมาย แล้วทำไมถึงไม่ยอมไปศาล เมื่อคนในสังคมอธิบายต่อสาวกลัทธิทำจนตัวตายแล้ว แต่กลับไม่ยอมรับฟัง สังคมก็เริ่มถอยห่าง เวลานี้ แม้แต่คนบ้านเดียวกัน หากมีคนหนึ่งเป็นสาวกลัทธินี้ ก็จะไม่สนทนาด้วย เพราะสาวกลัทธินี้ พูดด้วยเหตุผลแล้วเขาฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนกับคนถูกล้างสมอง มีอาการงมงายจนกลายเป็นความน่ารังเกียจของผู้คนในสังคมไปแล้ว นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ฉันเรียกลัทธินี้ว่า “ลัทธิทำจนตัวตาย” ล่ะ”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พวกเราเห็นท่านทุ่มเทต่อสู้กับเรื่องธรรมกายอยู่รูปเดียว ท่านไม่กลัวหรือ แล้วท่านจะได้อะไรตอบแทน

พุทธะอิสระตอบว่า “ได้หยุดยั้งธุดงค์บนกลีบดอกไม้ ไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน ได้กำจัดการบิณฑบาตเรี่ยไรผิดกฎหมาย จนเวลานี้มันไม่กล้าโผล่หน้าออกมาจากวัดเรี่ยไรอีก และหวังว่าจะได้ตัวอลัชชีมาเข้าคุก อีกทั้งฉันไม่ได้สู้อยู่คนเดียว ฉันยังมีพี่น้องประชาชนคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ร่วมต่อสู้ด้วย “กลัวไหม” ตอบ กลัวก็ไม่ทำ ที่ทำก็เพราะไม่กลัว หากฉันเป็นคนขี้ขลาดหวาดกลัวต่อความจริง เจ้าประคุณสมเด็จคงจะไปเสด็จไปหา และมีหัตถเลขาเขียนขอให้ฉันอยู่ช่วยงานพระศาสนา อย่าเอาแต่อยู่ในป่า และถ้าฉันชอบอยู่ป่า ก็ให้ปลูกต้นไม้ในวัดเยอะๆ แต่ก็ทรงขอให้จัดการกับอลัชชีตัวนี้ให้ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วท่านมียุทธวิธีอย่างไร ที่จะไปสู้กับพวกเขาที่มีทั้งอำนาจเงิน อำนาจคน อำนาจการเมืองหนุน

พุทธะอิสระตอบว่า “ยุทธวิธีพระป่า…อย่างไรจึงจะเรียกว่ายุทธวิธีพระป่า ก็พระป่าไม่กลัวจน พระป่าไม่กลัวเจ็บ พระป่าไม่กลัวตาย พระป่าดำรงอยู่ได้ด้วยการมีสติและปัญญา และด้วยยุทธวิธีของพระป่านี่แหละ ที่ทำให้ฉันนำพาพี่น้องเวทีแจ้งวัฒนะอยู่รอดปลอดภัย ประสบชัยชนะ ทุกครั้งที่เคลื่อนกระบวนทัพ
ยิ่งมาสู้กับลัทธิอลัชชีขี้ขลาดตัวนี้ด้วยแล้ว แม้จะมีพระอย่างฉันอยู่คนเดียว แต่ก็ยังมีพี่น้องไทย ผู้มีหัวใจ รักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์อีกมากมายที่เขาพร้อมที่จะเดินออกจากบ้าน แล้วมาบอกรัฐบาลหรือบอกกับลัทธิทำจนตัวตาย ให้เอาตัวไอ้อลัชชีเจ้าลัทธิมาลงโทษตามกฎหมายและหลักธรรมวินัยให้ได้เสียที ขืนปล่อยไว้ เดี๋ยวมันก็จะกำเริบ แผ่ขยายอิทธิพลกลืนกินประเทศไทย กลืนกินพระธรรมวินัย จนเหลือแต่ซากแน่”

“วันนี้เรามีรัฐบาล คสช. แล้ว ถ้ายังทำอะไรมันไม่ได้ เดี๋ยวจะได้เห็นพุทธะอิสระออกโรงกันบ้างล่ะ” พระพุทธะอิสระ กล่าวทิ้งท้าย