ข้อมูลล่าสุดแจ้งครอบครองกัญชา 1,053 ราย อย.ย้ำรีบยื่นภายใน 19 พ.ค.นี้เพื่อเว้นโทษ!

เมื่อวันที่ 15 เมษายน   นพ. ธเรศ  กรัษนัยรวิวงค์  เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา  กล่าวว่า  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เปิดให้บริการสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับกัญชา ภายหลังจากที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวกับการนิรโทษและครอบครองกัญชา จำนวน 3 ฉบับ ได้มีผลบังคับใช้ สำหรับสัปดาห์นี้ (9-11 เม.ย.62) มีผู้สอบถามเข้ามาที่ อย. ทางช่องทางสายด่วน อย. 1556 จำนวน 647 ราย หมายเลขโทรศัพท์ของกองควบคุมวัตถุเสพติด อย. 31 ราย และที่ Counter Service 10 ราย และมีผู้ป่วยมาแจ้งครอบครองกัญชาจำนวน 239 ราย สำหรับตัวเลขสะสมตั้งแต่วันที่เริ่มเปิดรับแจ้ง  27 กุมภาพันธ์ 2562 จนถึงปัจจุบัน มีผู้โทรสอบถามเรื่องกัญชาเข้ามาที่ อย. จำนวน 8,850 ราย และแจ้งครอบครองกัญชาแล้ว 1,053  ราย

นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า  ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษาโรค ให้มาแจ้งการครอบครองต่อเจ้าหน้าที่ภายในระยะที่เวลาที่กำหนดคือ 19 พฤษภาคม 2562 โดยไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานมีไว้ในครอบครอง ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้

1. จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน สำหรับผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ แจ้งได้ที่ อย. ส่วนต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โดยขอให้เตรียมบัตรประชาชน เอกสารแจ้งการมีกัญชา เอกสารรับรองอาการเจ็บป่วยจากแพทย์ และนำกัญชาที่ใช้ในการรักษาไปด้วย หากมีปริมาณมาก สามารถใช้รูปถ่ายได้ โดยถ่ายรูปกัญชาที่มีในครอบครองให้ครบถ้วน ชัดเจน และระบุที่อยู่พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้เพื่อเจ้าหน้าที่จะนัดหมายทำการตรวจสอบต่อไป 

2ขอให้ไปพบแพทย์ที่ให้การรักษาและออกใบรับรองการเจ็บป่วยหรือโรคที่เป็น โดยขอให้แพทย์ลงชื่อในใบรับรองแพทย์และระบุเลขที่ใบประกอบวิชาชีพหรือเลขที่ใบรับรองหรือใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ 

3. ก่อนเดินทางไปแจ้งการครอบครอง หากกลุ่มผู้ป่วยมีจำนวนมาก สามารถติดต่อหรือโทรศัพท์ประสานกับ อย. หรือ สสจ. เพื่อแจ้งชื่อ นามสกุล กำหนดวัน เวลานัดที่จะเดินทางไปแจ้งการครอบครองได้

ทั้งนี้ สามารถกรอกแบบการแจ้งครอบครองเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และนำยากัญชาหรือน้ำมันสกัดกัญชาที่ใช้ในการรักษาโรคพร้อมเอกสารต่างๆ ไปแจ้งครอบครองตามที่ได้มีการนัดหมายไว้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกัญชา สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วน อย.1556 กด 3 และ ป.ป.ส. 1386 กด 3 ในวันและเวลาราชการ

สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพ ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย ที่จะใช้ยาที่มีกัญชา ปรุงผสมอยู่ ต้องได้รับการอบรมหลักสูตรจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรอง ซึ่งปัจจุบันมีเฉพาะกรมการแพทย์ และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเท่านั้น แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร อบรมกับกรมการแพทย์  ส่วนแพทย์แผนไทย แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน อบรมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่วนการอบรมในหลักสูตรอื่นๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ให้การรับรอง จะไม่สามารถนำมาใช้ประกอบการขออนุญาตเพื่อใช้กัญชากับผู้ป่วยได้”เลขาธิการ อย.กล่าว

มติชนออนไลน์