‘ปธ.กกต.เผย ให้ศาลรธน.วินิจฉัยสูตรปาร์ตี้ลิสต์ เหตุกฎหมายไม่ชัด เชื่อไม่กระทบรับรองส.ส. 9 พ.ค.

ปธ.กกต. เผย ส่งศาลรธน.วินิจฉัยสูตรคิดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เหตุตัวบทกฎหมายไม่ชัด ยอมรับ ต้องยึดตัวอักษรก่อน ส่วนเจตนารมณ์ให้ศาลชี้ขาด เชื่อ ไม่กระทบไทม์ไลน์ประกาศรับรองส.ส. 9 พ.ค.

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 ซึ่งเป็นวิธีที่สำนักงาน กกต.คำนวณ และสอดคล้องกับวิธีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สามารถจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อพึงมีได้ครบ 150 คน แต่อาจไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (4) ที่กำหนดหลักการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะเกินกว่าที่พึงมีไม่ได้ โดยการจัดสรรในจำนวนที่ต่ำกว่า 0 อาจถือได้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และวิธีการคำนวณตามมาตรา 128 ของกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ส.จำเป็นต้องหาข้อยุติให้ชัดเจน แม้ว่าวิธีการคำนวณตามมาตรา 128 ของกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ส. จะจัดสรรได้ครบ 150 คน แต่อาจติดขัดต่อประเด็นว่าการจัดสรรนี้ จะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้ ส.ส.เกินพึงมีหรือไม่

นายอิทธิพร ยืนยันว่า การส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นวิธีดำเนินการเหมาะสม และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประกาศรับรอง ส.ส. ร้อยละ 95 ตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะไม่ขอก้าวล่วงอำนาจวินิจฉัยของศาลว่าจะวินิจฉัยแล้วเสร็จก่อนวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ หรือไม่ ตามกรอบกำหนดวันประกาศรับรอง ส.ส.

ประธาน กกต. ระบุถึงกรณีที่สำนักงาน กกต. ออกมาเปิดเผยว่าจะมีอย่างน้อย 25 พรรคการเมืองได้รับการจัดสรรว่าเป็นวิธีการคำนวณเบื้องต้น ตามที่ปรากฏในรับธรรมนูญซึ่งเป็นวิธีที่กรรมการร่างรับธรรมนูญเสนอไว้และมากำหนดเป็นมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 128 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งในมาตรา 91 วรรค สาม กำหนดว่าหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณคิดอัตราส่วนให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการคำนวณของสำนักงานฯ ก่อนหน้านี้เป็นการคำนวณจากคะแนนเบื้องต้นที่มีอยู่ของแต่ละพรรคการเมือง ไม่ใช่คะแนนสุดท้าย

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า หากคำนวณตามวิธีการขอกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 128 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งจะทำให้จัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ครบ 150 คน เพราะนำเศษทศนิยมมาคิด ทั้งนี้ทราบมาว่าในการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ กรธ.นั้น ได้วางหลักคิดคำนวณไว้ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้ก่อน และเมื่อหารือกันแล้วเห็นพ้องกันว่าหลักคิดคำนวณดังกล่าวเป็นวิธีการคำนวณ ส.ส.พึงมี จึงนำไปเขียนให้เป็นมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นวิธีการคำนวณที่ กรธ.คุยกันจึงเป็นที่มาของมาตรา 91 ไม่ใช่มีการบัญญัติมาตรา 91 ก่อนและค่อยหาวิธีคำนวณ โดยในการร่างมาตรา 91 นั้น เหตุที่วิธีการคำนวณมีความยาวกรธ.จึงนำไปใส่ไว้ในกฎหมายลูกแทน

“ยังมีข้อถกเถียงกันถึงเลขทศนิยม ที่น้อยกว่า 1 เช่น 0.8 จะถือว่าเกินกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีหรือไม่ เพราะศูนย์อยู่ข้างหน้า ผู้รู้คณิตศาสตร์บอกว่าเลขศูนย์ก็เป็นเลขที่นำมาคำนวณได้ แล้วอยู่ๆ จะไปตัดทิ้ง ทั้งนี้ การคำนวณมาตรา 91 ในครั้งนั้นไม่มีใครคิดว่าจะมีพรรคใดได้จำนวนส.ส.มากกว่าจำนวนส.ส.พึงมี ซึ่งวิธีการนี้ก็มีวิธีติดไว้ข้างฝานานแล้ว” ประธาน กกต.ระบุ

เมื่อถามว่าเหตุใดถึงไม่สามารถคำนวณตามเจตนารมณ์ได้อย่างเดียว ประธานกกต. ระบุว่า เมื่อนำ 2 มาตรามาพิจารณา ซึ่งความจริงแล้ว มาตรา 128 ของ พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. มีที่มาจากมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมาตรา 91 อนุ 4 ตัวอักษรเขียนไว้เช่นนี้ ปัญหาเกิดขึ้นว่าจะต้องยึดสิ่งใด ซึ่ง กกต.คงต้องถือตัวอักษรที่ระบุในกฎหมาย ส่วนการตีความตามเจตนารมณ์เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ดังนั้น เมื่อตัวอักษรเขียนแบบนี้คงถึงทางตันที่ไม่สามารถตัดสินในเรื่องนี้เองได้จึงต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยวินิจฉัย เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับอำนาจ และหน้าที่ ซึ่งการที่ กกต.จะประกาศผลนั้นจะต้องมีความมั่นใจในเรื่องนี้ว่าสิ่งที่เราจะดำเนินการขัดหรือไม่

มติชนออนไลน์