“นิพิฎฐ์” แฉดีลต่อรองผู้มีอำนาจ ร่วมรัฐบาลแลกไม่ยุบพรรค โกงเลือกตั้งพัทลุง

วันที่ 10 เมษายน 2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. อดีตผู้สมัครส.ส.เขต 2 จ.พัทลุง แถลงว่า บ่ายวันนี้ ตนจะไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เร่งรัดสอบสวนคดีทุจริตการเลือกตั้งในเขต 2 จ.พัทลุง ที่มีการเก็บบัตรประชาชนจาก 40,000 ใบเป็น 60,000 ใบในพื้นที่ เพื่อเตรียมซื้อเสียง ที่สำคัญเรื่องนี้กก.บห.รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย หมายถึงต้องมีการยุบพรรคนั้น

นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งตนมีข้อเท็จจริงที่ทราบมาในทางลับว่ามีความพยายามต่อรองระหว่างพรรคนั้นกับผู้มีอำนาจในประเทศนี้ว่า อย่าถึงขนาดยุบพรรค ขอแค่เลือกตั้งใหม่ เพราะถ้าตั้งเรื่องถึงยุบพรรค ก็จะกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นพรรคที่น่าจะได้ร่วมรัฐบาล ซึ่งมีการพูดคุยกันในระดับสูงแล้ว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า หลักฐานที่ตนมาเสนอตั้งแต่แรกโยงถึงกก.บห.ว่ามีส่วนร่วมทุจริต หรือรู้เห็นในการทุจริตแต่มิได้ยับยั้งการทุจริต ตามกฎหมายต้องยุบพรรค ที่ผ่านมาตนเคยทำเรื่องยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง และมั่นใจในหลักฐานครั้งนี้หนาแน่นกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นเป็นพยานบุคคล ซึ่งโกหกได้ พูดเรื่องจริงได้ แต่เอกสารโกหกไม่ได้ และเป็นพยานหลักฐานที่หักล้างไม่ได้

  • เรียกร้องกกต.-คสช.คุ้มครองพยาน

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ต้องการให้กกต.ได้ข้อยุติเรื่องนี้โดยเร็ว เนื่องจากตนออกมาเปิดเผยทุจริตก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง และเป็นคนแรก ๆ ที่ไปยื่นเรื่องต่อกกต. พร้อมกันนี้ขอให้กกต.คุ้มครองพยาน 3 คนที่ขณะนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งพยานทุกคนเป็นคนดี หากพยานคนไหนบาดเจ็บ หรือล้มหายตายจาก ก็น่าจะมาจากสาเหตุที่มาเป็นพยานกรณีทุจริตเลือกตั้ง ในเขต 2 พัทลุงเท่านั้น จึงอยากให้คุ้มครองพยานด้วย

“ผมไม่เรียกร้องไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เพราะทราบว่ายังป่วยอยู่ แต่ขอเรียกร้องไปยังหัวหน้า คสช. ให้คุ้มครองพยาน ถ้าพยานได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายจะโทษหัวหน้าคสช.ที่ไม่ดูแลเรื่องนี้ และที่ผมไม่ได้เรียกร้องนายกฯ เพราะนายกฯเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯคนต่อไป ถือเป็นนักการเมืองจึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หัวหน้าคสช.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า การร้องเรียนครั้งนี้ ไม่สามารถนำไปสู่การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เพราะเป็นข้อร้องเรียนในเขตเท่านั้น และไม่ได้ใช้อารมณ์ยื่นเรื่องตรวจสอบ หรือเพราะแพ้เลือกตั้ง แต่เป็นข้อมูลที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง จึงอยากให้ตรวจสอบให้ถูกต้องเพื่อให้ได้ข้อยุติ