เมื่อวันที่ 6 เม.ย. เวลา 08.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทำพิธีทางศาสนาอิสลาม เนื่องในวันครบรอบ 73 ปีการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวกับสมาชิกที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้วันที่ 6 เม.ย. เป็นวันมงคลอย่างยิ่ง อย่างน้อย 3 เรื่อง คือ 1.วันจักรี ซึ่งทุกท่านทราบดีว่ามีความสำคัญกับประเทศอย่างไร 2.เป็นวันเริ่มต้นงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10 และ3.เป็นวันครบรอบการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์

ตนในนามพรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่เหน็ดเหนื่อยเป็นพิเศษสำหรับการเลือกตั้งที่ผ่านมา และขอขอบคุณนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ที่เหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน รวมถึงกรรมการบริหารพรรค ตลอดจนผู้ใหญ่ สมาชิก และผู้สมัคร ส.ส. ทุกคน ที่ให้เราผ่านพ้นการเลือกตั้งครั้งนี้มาได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรถือเป็นเรื่องปกติ

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นแค่สถานการณ์หนึ่งบนเส้นทางอันยาวไกลของพรรคประชาธิปัตย์ที่เรายังต้องเดินไปข้างหน้าต่อไปอย่างไม่มีวันหยุดยั้ง พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน มีความเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับ ก็คงเหมือนกับชีวิตมนุษย์ที่มีขึ้นมีลง แต่ทุกท่านได้สร้างคุณูปการให้กับพรรคจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ แล้วยังจะต้องมีวันข้างหน้าอีก

“ผมยังเชื่อมั่นว่าประชาชนยังรักเรา และผมมั่นใจว่าประชาชนยังพร้อมให้โอกาสเรา ขออย่างเดียวว่าเราทุกคนอย่าท้อแท้ อย่าท้อถอยหรือหมดกำลังใจ ขอให้มาร่วมมือร่วมใจกัน ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนได้อีกครั้งในระยะเวลาไม่นาน”นายจุรินทร์ กล่าว

ด้าน นายชวน กล่าวว่า เมื่อเช้าตนได้รับโทรศัพท์จากมหาวิทยาลัยสงขลาฯ วิทยาเขตปัตตานี ว่าเมื่อวาน (5 เม.ย.) เขามีมติร่วมรัฐบาลกันแล้วหรือ ตนจึงบอกไปว่า เป็นเรื่องของคณะนายถาวร เสนเนียม ว่าที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ท่านเชิญตนไปฟัง ตนเลยไปนั่งฟัง ก็มีคนบางกลุ่มที่เอาเรื่องนี้ไปพูด ซึ่งจริงๆ แล้วได้ขอร้องว่า ควรให้ความเคารพกับคณะกรรมการบริหารพรรค ให้เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ แต่ห้ามไม่ค่อยฟัง ไม่แน่ใจและไม่ทราบว่าเพราะอะไร ถึงต้องตะแบง

“ขอเรียนว่า เรื่องนี้ยังไม่มีมติ เพราะต้องให้เกียรติกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะต้องพิจารณาต่อไป ส่วนคนอยากเป็นนั้นมี รวมถึงคนไม่อยากเป็นก็มี ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตยที่น่ารัก แต่ห้ามกันไม่ค่อยฟัง ว่าอย่าเพิ่งไปบอกอะไรเลย ขออย่าไปให้ความเห็นอะไรเลย รอให้กรรมการบริหารพรรคเขาได้ประชุมและตัดสินใจกันไม่ดีกว่าหรือ อาจจะเป็นความอยากเป็นมาก ก็เลยทำให้พูดออกไปเช่นนั้น จึงอยากเรียนให้ทราบว่ายังไม่มี ดังนั้นอย่าเพิ่งไปวิจารณ์ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะจริงๆแล้วยังไม่มีมติ”นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า เมื่อวาน (5 เม.ย.) ตนนั่งฟังอยู่ด้วย ซึ่งก็ดีที่มีอะไรแล้วมาพูดกันข้างในมากกว่าจะไปพูดกันข้างนอก จึงทำให้ทราบถึงความรู้สึกของคนที่มีทั้งสอบได้และสอบตก ซึ่งก็เห็นใจเขาเพราะคนเล่นการเมืองไม่มีใครอยากสอบตก อย่างดีก็เกือบตกคือสอบได้ แต่ครั้งนี้หลายคนเกือบได้ จึงทำให้เสียโอกาสไป อย่างไรก็ตามพรรคก็ต้องเป็นหลัก ดังนั้นพวกเราไม่ต้องไปกังวล ตนเข้ามาพรรคเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งคนรุ่นเดียวกันที่อยู่ในพรรค ตอนนี้เหลือตนคนเดียวแล้ว ซึ่งจำเหตุการณ์ในอดีตได้มากพอสมควร

จึงอยากให้ทุกคนทราบว่า เราเจอปัญหานี้เยอะ แต่พรรคก็ต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องไม่ลืมอดีต ต้องยึดมั่นในหลักของบ้านเมือง ประเทศนี้เราตัดสินใจเลือกการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเราตัดสินใจแล้วก็ไม่ควรจะสับสนเรื่องนี้อีกแล้ว แต่ถ้าจะสับสนเรื่องอื่นก็ว่ากันไป แต่ระบอบการปกครองต้องชัดเจน และแต่ละพรรคการเมืองที่สู้กัน ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ให้สิทธิชาวมุสลิมมากกว่าประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ให้สิทธิ์คนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ดังนั้นคนที่ได้โอกาสต้องคิดถึงบุญคุณประเทศนี้เหมือนกัน

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนพยายามทำงานตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ถึงวันที่ 23 มี.ค. พยายามไม่หยุดเพราะรู้ว่ามีปัญหาอยู่หลายเรื่อง จึงพยายามหาเสียงในทุกภาคเพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ได้มากที่สุด แต่ว่าเพียงวูบเดียวของความเปลี่ยนแปลง ทัศนคติ ความเห็น กระแส ซึ่งทำให้พวกเราแปลกใจว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนี้ แต่นี่คือชีวิตจริง ย่อมมีวูบวาบอย่างนี้ ดังนั้นเราต้องมีหลักอยู่ตลอดเวลา อย่าไปวอกแวก ต้องยึดมั่นในแนวทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนแนวทางการเมืองและนโยบายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หลักของการปกครองนั้นพรรคนี้มีความแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงขอให้ทุกคนมั่นใจได้

ขณะที่นายบัญญัติ กล่าวว่า หลายคนพูดถึงเรื่องเก่าๆของเรา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีคุณค่า เพราะเป็นเรื่องยากที่พรรคอื่นจะพูดเรื่องเช่นนี้ได้ เพราะเขาไม่มีประวัติยาวนานเหมือนกับพรรคของเรา ในวันนี้ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งมาใหม่ๆ และดูเหมือนหลายคนยังรู้สึกช็อกกับผลที่ออกมา โดยนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้นได้ ไม่ว่าบ้านเมืองนี้จะมีการเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง แม้เราจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งมากมายแค่ไหน แต่วันที่ 6 เม.ย.ของทุกปีเรายังคงมีสมาชิกมาร่วมงานอย่างคลาคล่ำเหมือนเดิม และงานในวันนี้เหมือนจะมีคนมามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนหนึ่งคงมาด้วยความรักพรรค ก็ยังมีอีกส่วนที่มาให้กำลังใจ แก่หัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคทุกคน

นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า เรื่องการพ่ายแพ้การเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ครั้งแรก และมีหลายครั้งเคยบอบช้ำมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปี 2522 ที่พรรคเคยพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่มากที่สุดครั้งหนึ่ง โดยเหลือส.ส.อยู่ 32 คน และเป็นครั้งที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และกล้าสบประมาทพวกเราว่าระวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำสิบ แต่ภายใต้ความเข้มแข็ง ความเชื่อมั่น และการสนับสนุนจากบรรดาแฟนพันธุ์แท้ และเมื่อประชาชนเข้าใจเรามากขึ้น ทำให้พรรคไม่ได้เป็นพรรคต่ำสิบ แต่ได้เกินร้อย ในครั้งนั้น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคในขณะนั้นได้บอกกับสมาชิกว่าอย่าตกใจ อย่าหวั่นไหว และเราควรกลับมาสำรวจตัวเอง ว่าทุกอย่างที่ได้เกิดขั้นนั้นมาจากอะไร ต้องดูปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในของพวกเราเอง

“ผมคิดว่าคำพูดของม.ร.ว.เสนีย์ในวันนั้นเป็นการพูดเติมกำลังใจและให้สติ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ การที่ม.ร.ว.เสนีย์พูดว่าเราจะต้องสำรวจดูปัจจัยภายในและภายนอกในตัวของเราเองนั้น ผมคิดว่าวันนี้พวกเราหลายคนกำลังทำสิ่งนี้อยู่ โดยมีอดีตส.ส.และผู้ที่อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นนักวิชาการกำลังทำเรื่องนี้อยู่ และคิดว่าอีกไม่นานจะได้ความกระจ่างแจ้ง และจะนำไปสู่การปรับปรุงพรรคให้แข็งแรงมากขึ้นตามความต้องการของทุกคน ปัจจัยหลักที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือกำลังใจ ซึ่งการที่ทุกคนมาร่วมงานในวันนี้จะเป็นกำลังใจและนำไปสู่การปรับปรุงพรรคให้เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้ในวันข้างหน้า”นายบัญญัติ กล่าว