“สมคิด” สั่งขรก.พาณิชย์เร่งเกียร์ต่อ ช่วงรัฐบาลประยุทธ์รักษาการ

วันที่ 4 เมษายน 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมติดตามงานของกระทรวงพาณิชย์และมอบหมายแนวทางการดำเนินงานภายหลังการเลือกตั้ง ว่าเนื่องจากรัฐบาลขณะนี้ยังต้องรักษาการไปอีก 2-3เดือนจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ดังนั้น ราชการจะต้องยิ่งโหมงานมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ายังคงดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ซึ่งตนได้ฝากให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน (คน.) ติดตามดูแลสถานการณ์ในช่วงนี้ ส่วนเรื่องราคาสินค้าทั่วไปจะต้องไม่ให้มีการปรับขึ้นราคาเด็ดขาด ขณะที่สินค้าเกษตรก็ต้องรักษาระดับราคาไว้ ซึ่งได้กำชับให้กรมการค้าดูแลเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ส่วนสินค้าเกษตรที่กังวลมีกระเทียม แต่หน่วยงานที่ดูแลก็มั่นใจว่าราคาน่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับปาล์มน้ำมัน

นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดูแลเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยกว่า 40 ล้านคนต่อปี และกระจายไปยังเมืองหลักและเมืองรอง จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ติดตามพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต้องการซื้ออะไร จับจ่ายซื้อสินค้าหรือมีความต้องการอะไรบ้าง เนื่องจากนักท่องมีพฤติกรรมที่ใช้ระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะต้องให้ความสำคัญและอำนวยความสะดวกให้มาก พร้อมทั้งให้กรมฯประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หาจุดสำคัญ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองรองว่าจะทำอะไรได้

เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายและซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งพรุ่งนี้ตนจะมีการหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซึ่งกรมพัฒนาฯก็น่าจะไปร่วมด้วย ส่วนการส่งออกแม้ว่าจะยังไม่มีทิศทางที่ดี ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปดูว่าในประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ทำไมเราไม่ไปสร้างจุดขายสินค้าและระดมสินค้าไปขาย ซึ่งกรมฯจะต้องสำรวจว่าจะเอาสินค้าไทยอะไรไปขาย เพื่อสร้างสตอรี่ให้กับสินค้า และกระตุ้นให้เกิดการเข้ามาซื้อ การส่งออกสินค้าไทยมากขึ้น นอกจากการส่งออกปกติ สำหรับเป้าหมายการส่งออกนั้น

“ผมไม่เคยกำหนดเป้าส่งออก 8% แต่หน่วยงานราชการกำหนดเป้าเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ผมจะลงมากระตุ้น ซึ่งถ้าการส่งออกยังทรุดอยู่ เราก็ยิ่งมีภาคบริการมาทดแทน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่จะต้องไปผลักดันให้เกิดการซื้อขายในประเทศ ส่วนกรณีที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนั้น ต้องบอกว่าการเมืองที่ไม่นิ่งและไม่ชัดเจนมีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทย และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เช่นเดียวกับนักลงทุนที่รอความชัดจนของรัฐบาล ซึ่งเราต้องช่วยกันประคับประคองการเมืองก็อาจจะดีขึ้น แต่มั่นใจว่าข้าราชการจะช่วยทำงานไม่ปล่อยเกียร์ว่างในช่วงนี้”

อย่างไรก็ดี สำหรับความคืบหน้าหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ที่ไทยสนใจแสดงที่ท่าสนใจเข้าร่วมนั้น ต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่เขเมาผลักดัน เชื่อว่าสมาชิกฯ เข้าใจกับสถานการณ์ของประเทศไทย อีกทั้ง รัฐบาลใหม่ก็ต้องดูผลกระทบและความเหมาะสมในเรื่องนี้ด้วย