วันที่ 24 มีนาคม 2562 ทันทีที่หีบบัตรลงคะแนนปิดลงในเวลา 17.00 น. ก็เริ่มมีการเปิดผลสำรวจความนิยมของพรรคการเมืองต่างๆที่ร่วมสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองใดจะได้ร่วมตั้งรัฐบาล ซึ่งมีความเป็นไปได้ในหลายรูปแบบ นอกจากพรรคการเมืองต่างๆจะได้จำนวนที่นั่งในสภาเท่าไหร่แล้ว จำนวนสมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 คนที่ คสช.วางตัวก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งจะส่งผลถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาเป็นรัฐบาลใหม่ หลังการบริหารของรัฐบาล คสช.

รูปแบบความเป็นไปได้จึงถูกแบ่งออกมาเป็น 4 สูตร ตั้งรัฐบาลซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า ภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญ 2560 รัฐบาลใหม่จะเป็นรูปแบบรัฐบาลผสมที่ประกอบไปด้วยพรรคการเมืองต่างๆ แต่จะเป็นพรรคการเมืองไหนบ้าง

แบบที่ 1 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง

แบบแรกนี้ หมายถึงพรรคการเมืองใหญ่อย่าง พรรคเพื่อไทย ได้จำนวน ส.ส.ที่นั่งในสภาเป็นส่วนใหญ่ และเสริมด้วยพรรคการเมืองที่ส่วนใหญ่ถูกจัดว่าเป็นพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.เพื่อให้ได้ฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างมาก อาทิ พรรคเพื่อชาติ พรรคอนาคตใหม่ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย และอาจมีการดึงส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐมาเสริมด้วย เพื่อให้ได้เสียงเกินจำนวนสมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้ง 250 คน

 

แบบที่ 2 พรรคฝ่ายสนับสนุน “ประยุทธ์” + ส.ส.งูเห่า ครองเสียงข้างมาก

แบบที่ 2 นี้ เป็นแบบที่พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ คว้าส.ส.ในสภาได้ โดยเฉพาะมีพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลอย่าง พรรคพลังประชารัฐ บวกกับส.ส.จากพรรคฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ อย่าง พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา บวกกับ สมาชิกวุฒิสภาแต่งตั้งจาก คสช. 250 คน และยังมีส.ส.ที่ถูกซื้อตัวจากพรรคการเมืองอื่น ที่เรียกว่า ส.ส.งูเห่า เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล

แบบที่ 3 พรรคฝ่ายสนับสนุน “ประยุทธ์” ครองเสียงข้างมาก

แบบที่ 3 ความต่างมีอย่างเดียวคือ ไม่มี ส.ส.งูเห่าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนั้นหมายถึง พรรคแกนนำตั้งรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐต้องได้ที่นั่ง ส.ส.มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลและดึงพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนร่วมโหวต

 

แบบที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

แบบสุดท้ายนี้ ความต่างคือ การมีพรรคประชาธิปัตย์ร่วมตั้งรัฐบาล โดยให้ทุกพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ มาสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะด้วยการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ อาจถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมและประเด็นโจมตีเรื่องการสืบทอดอำนาจ