‘หญิงหน่อย’ เปิดใจ 27ปี บนถนนการเมือง ต้านเผด็จการทั้งชีวิต สู่วันที่ใกล้ชิดเก้าอี้นายกฯ ?

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. เวลา 09:26 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่1 ของพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ บอกเล่าประสบการณ์การทำงานการเมืองมาทั้งชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่เป็น ส.ส.ครั้งแรก เมื่อปี 2535 จนถึงปัจจุบัน กว่า27ปี

ซึ่งเป็นที่น่าจับตาได้ว่า การกลับมาลงสู่เบื้องหน้าทางการเมืองอีกครั้ง ของคุณหญิงสุดารัตน์ รอบนี้ นับว่าเป็น “แคนดิเดต” อีกคนหนึ่งจากหลายๆคน ที่มีความใกล้ชิดความเป็น “นายกรัฐมนตรี” มากที่สุดอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะจริงหรือไม่นั้น อยู่ที่ประชาชนจะตัดสิน ในวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. ที่จะถึงนี้

โดย คุณหญิงสุดรัตน์ ได้ระบุว่า

22 มีนาคม 2535 วันที่สุดารัตน์เริ่มต้นชีวิตทางการเมือง
เมื่อวานนี้ หน่อยได้ขึ้นปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันอาทิตย์นี้ ถือเป็นวันแห่งความหวังของคนไทยทุกคนที่จะเดินออกจากความทุกข์

ในวันที่ 22 มีนาคม ของทุกปี มักเป็นวันที่หน่อยได้ทบทวนถึงเส้นทางชีวิตของตัวเองบนถนนสายการเมือง ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2535 วันที่ “สุดารัตน์ เกยุราพันธ์” ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกเข้าสู่สภาฯ เป็น ส.ส.สมัยแรก จาก เขต 12 พรรคพลังธรรม (บางเขน, หลักสี่, ดอนเมือง, สายไหม, มีนบุรี, หนองจอก, คลองสามวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 1/3 ของพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานคร

27 ปี บนถนนสายการเมือง เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งในบทบาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บทบาทเลขาธิการพรรคพลังธรรมซึ่งหน่อยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ รวมถึงบทบาทรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย

ไปจนถึงบทบาทในฝ่ายบริหาร ตั้งแต่กระทรวงเล็กถึงกระทรวงใหญ่ ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วย ถึงเป็นรัฐมนตรีเต็มตัว ทั้งในกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงงานเพื่อสาธารณประโยชน์ ผ่านมูลนิธิไทยพึ่งไทย และสถาบันสร้างอนาคตไทย

อาชีพการเมืองที่หน่อยรักทำให้ได้มีโอกาสทำงานรับใช้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่นทำโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพทัดเทียมทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ

ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาจราจร โดยหน่อยเป็นผู้วางแผนแม่บทรถไฟฟ้า และแผนเชื่อมโยงทางด่วนในกรุงเทพทั้งหมดตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศอย่างสึนามิ และการระบาดของโรคซาร์และหวัดนก

รวมทั้งการดูแลคุณภาพชีวิตของคนไทยเช่นในช่วงที่หน่อยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในเวลานั้นหน่อยต้องการสร้างความแข็งแรงให้คนไทยด้วยการตั้งเป้าหมายลดโรคที่สำคัญ 4 โรคที่คนไทยเป็นกันมาก ได้แก่โรคไขมันสูง ความดัน เบาหวาน และมะเร็ง ด้วยโครงการ “อาหารปลอดภัย” และสนับสนุนการ “ออกกำลังกาย” ไปทั่วประเทศ

พี่น้องคะ ในการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญในชีวิตของ “สุดารัตน์ เกยุราพันธ์” การเดินทางครั้งนี้หนักหนาและท้าท้ายยิ่งกว่าเคย โดยเฉพาะในบทบาท ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างถล่มทลายในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา

งานการเมืองเป็นความท้าทาย แต่ไม่เคยท้อถอย

หนึ่งคำถามที่หน่อยได้รับเสมอ ถึงการกลับมาทำงานการเมืองครั้งนี้ “ทำไมยังสู้ต่อ ?” โดยเฉพาะในท่ามกลางความพยายามที่จะทำลายพรรคเพื่อไทยทุกรูปแบบ

หน่อยรู้ค่ะว่า เราเสียเปรียบตั้งแต่ต้น และมีความพยายามในการจะทำลายเราอยู่ตลอด แต่สิ่งเดียวที่ทำให้สุดารัตน์ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ คือ “ความหวังที่ประชาชนฝากไว้กับเรา”

วันนี้หน่อยเป็นแม่ทัพ เรามีหน้าที่สู้ไปข้างหน้า เราไม่รู้ว่าเมื่อออกรบ เมื่อสู้ในสงคราม เราจะรอดชีวิตหรือไม่ หน่อยรู้แต่ว่า เราต้องสู้ให้สุดกำลัง สู้ในทุกสมรภูมิ เพราะประชาชนฝากความหวังไว้กับเรา

หน่อยและพรรคเพื่อไทย เรายืนหยัดต่อสู้บนหลักการประชาธิปไตยมาโดยตลอด เราเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สามารถยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ว่า

ในอดีต เราไม่เคยร่วมจับมือกับเผด็จการ ปัจจุบัน เราก็จะไม่ร่วมจับมือกับเผด็จการ
และในอนาคตหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะไม่จับมือร่วมกับเผด็จการในทุกกรณี นี่คือจุดยืนของเรา และจะเป็นเช่นนี้เสมอ

หน่อยและพรรคเพื่อไทย เลือกยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตย และยึดเอาประชาชนเป็นหัวใจของพรรค ด้วยหลักที่เรายึด ทำให้เรายืนหยัดได้อยู่เสมอ แม้จะโดนกลั่นแกล้งให้ล้มลงไปกี่ครั้งก็ตาม

เมื่อพรรคเพื่อไทยจับมือกับประชาชนแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะเอาชนะพลังของพวกเราไปได้ กระทั่งกติกาที่บิดเบี้ยว ซึ่งร่างโดยเผด็จการชุดนี้เพื่อหวังสืบทอดอำนาจทางการเมืองก็ตาม

22 มีนาคม สำหรับหน่อย จึงเป็นทั้งวันแห่งการเริ่มต้นชีวิตบนถนนสายการเมือง และถือเป็นวันแห่งการยุติการสืบทอดอำนาจ เพราะในต้นปี 2535 ยังเกิดความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ รสช. มุ่งเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก ผ่าน รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเนติบริกรหน้าเดิม แบบเดียวกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ในวันนั้น หน่อยได้ร่วมกับพี่น้องประชาชน ต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจ จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 เหลือเชื่อว่า ผ่านไปแล้ว 27 ปี หน่อยและพี่น้องประชาชนยังคงต้องต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการ

การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม คือช่วงเวลาสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ เป็นเวลาที่เราจะได้ออกไปเขียนประวัติศาสตร์ร่วมกัน พี่น้องจะเล่าให้ลูกหลานฟังได้ว่า ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เราได้ร่วมมือกันเอาชนะเผด็จการมาแล้ว เราจะได้ส่งมอบประเทศนี้ให้กับคนรุ่นต่อไปอย่างเป็นประชาธิปไตย

ขอชวนร่วมทำภารกิจครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ