เก็บตกปราศรัยโค้งสุดท้าย “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” จากเลือกนักบริหารอาชีพ ถึงโหวตเพื่อเปลี่ยนแปลง (ภาพชุด)

การปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวานนี้ เป็นการวัดพลังครั้งสุดท้ายของพรรคใหญ่ที่จัดพร้อมกัน 4 พรรค ตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. หรือพรรคพลังประชารัฐที่สนามเทพหัสดิน กับไฮไลท์ 7 นาทีของการปราศรัยครั้งแรกและครั้งเดียวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่อีก 2 พรรคใหญ่ที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือ ที่สนามกีฬาเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ซึ่งพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ จัดการปราศรัยในเวลาไล่เลี่ยกัน

โดยที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 พรรคเพื่อไทยขนขุนพลพรรคระดับปรมาจารย์ทางกฎหมายจนถึงนักบริหารที่มีประสบการณ์ ฉายนโยบายและวิสัยทัศน์ ส่ง”ลุง” กลับบ้าน ลดหนี้ สร้างเศรษฐีใหม่ ทำให้เงินในกระเป๋ากลับมาตุงอีกครั้ง

และยังเห็นความชัดเจนของผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุ 40 ปี ขึ้นปี ที่ยังคงศรัทธาและชื่นชมนโยบายตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย มานั่งฟังการปราศรัยกันแน่นอาคารจนทะลักล้นออกมาข้างนอก ก่อนการปราศรัยจบลงในเวลาราว 21.00 น.

ด้านอาคารที่ใกล้กันอย่างอาคารกีฬาเวศน์ 1 ซึ่งมีความจุมากกว่า เป็นที่ปราศรัยของพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกแบบการปราศรัยให้ทุกคนได้เห็นผู้ปราศรัยทุกทิศทาง แต่ด้วยคนที่มาฟังมากมาย ตั้งแต่คนรุ่นใหม่ แฟนคลับฟิวเจอร์ริสต้า ด้อมฟ้ารักพ่อ จนถึงคนรุ่นใหญ่มานั่งฟังกันแน่นจนต้องนั่งพื้นชนิดเกาะติดพื้นสโลปที่นักการเมืองพรรคอนาคตใหม่ขึ้นปราศรัย ที่แตกต่างจากพรรคอื่น คือ มีโซนของผู้พิการทางการได้ยิน ซึ่งมีหน่วยภาษามือคอยถ่ายทอดคำปราศรัยให้กับผู้สนับสนุนด้วย

แกนนำพรรคและตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.แต่ละภาคก็ทยอยขึ้นมาปราศรัยพบปะกับผู้สนับสนุน และจำนวนผู้เข้าฟังการปราศรัยก็เริ่มมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงผู้ปราศรัยระดับแกนนำพรรคอย่างนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ชวนทุกคนพาประเทศออกไปสู่อนาคต ชวนโหวตเพื่อเปลี่ยนแปลงและเพื่ออนาคต พร้อมชูเลือกให้ถล่มทลาย เพื่อได้เลขาธิการพรรคคนนี้ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้นายธนาธร เป็นนายกรัฐมนตรี

จนกระทั่งเวลาราว 21.20 น.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคได้เดินขึ้นที่จุดปราศรัย ชูบุคคลตัวเล็กที่สร้างการเปลี่ยนแปลง พร้อมชวนทุกคนสร้างการเปลี่ยนแปลง และชี้ว่าประชาธิปไตยคือทางเดียว