‘อุตตม’ ไม่รับประกัน พรรคชนะที่ 1 มีสิทธิตั้งรัฐบาล ชี้ใครล็อบบี้ได้ก่อนมีสิทธิก่อน

“อุตตม” ไม่รับประกัน พรรคชนะเลือกตั้งที่ 1 มีสิทธิตั้งรัฐบาล ชี้ใครล็อบบี้เสียงได้ก่อน เป็นสิทธิของพรรคนั้น

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค แถลงการปราศรัยในโค้งสุดท้ายของพรรคในวันที่ 22 มีนาคม เวลา 17.00 น. ที่สนามเทพหัสดินในสนามกีฬาแห่งชาติ กทม.ว่า เวทีดังกล่าวจัดภายใต้แนวคิด เปิดใจประชารัฐ รวมใจประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว ขอให้ดูเซอร์ไพรส์ในวันดังกล่าว ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคจะมาร่วมด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอให้ท่านตัดสินใจก่อน ยังตอบแทนไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาก็มีคลิปของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปตามเวทีหัวเมืองต่างๆ และเวทีทุกท้ายของการปราศรัย พรรคจะใช้โอกาสให้เต็มที่เพื่อสื่อสารกับประชาชน คนที่จะขึ้นพูดปราศรัย จะเปิดในว่าทำไมถึงมาอยู่ในจุดนี้ และจะเสนอสิ่งใดกับประชาชน และจะมีวิธีปฏิบัติ ซึ่งเป็นคำถามที่อยู่ในใจประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายมีเรื่องเอกสารราชการที่เผยแพร่ออกมาให้สนับสนุนพรรคประชารัฐ นายอุตตมกล่าวว่า ไม่ได้เป็นห่วง เพราะในช่วงเลือกตั้งก็จะมีเรื่องแบบนี้ หลายเรื่องที่พรรคถูกกล่าวหาและนำไปโยงใย แต่พอข้อเท็จจริงปรากฏเราก็ไม่ห่วงอะไร

เมื่อถามย้ำว่า กองทัพสั่งการให้หน่วยงานที่ขึ้นตรง เลือกพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตมกล่าวว่า เรื่องนี้มีคำอธิบายจากกองทัพแล้วว่าเป็นเอกสารเท็จและคำอธิบายดังกล่าวก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวแล้วซึ่งพรรคไม่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่ากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐและสามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ นายอุตตมกล่าวว่า ทำให้เราสบายใจว่าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่า กังวลกับกระแสความนิยมที่ดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายอุตตมกล่าวว่า พรรค พปชร.แข่งกับทุกพรรค โดยการนำเสนอนโยบายและบุคลากรของพรรค ไม่ได้กังวลว่าพรรคอื่นจะเป็นอย่างไร การแข่งขันเรามีตลอดและกระแสความนิยมก็เปลี่ยนได้ตลอด และโดยรวมกระแสของพรรคดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้สมัครของพรรคมีกำลังใจ ส่วนที่มีการมองว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้เสียงมาเป็น ลำดับ 2 หรือ 3 นั้น ต้องรอดู แม้จะมีการวิเคราะห์จากสำนักโพลต่างๆ เรารับฟัง

เมื่อถามว่าได้พูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นๆ แล้วหรือยัง นายอุตตมกล่าวว่า ยังเร็วเกินไป ที่จะดำเนินการในส่วนนี้ ต้องรอดูหลังจากวันที่ 24 มีนาคม จะชัดเจน การเจรจาอย่างจริงจังก็จะเกิดขึ้น ตอนนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อหรือเจรจากับใคร ถ้ามีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะได้หารือร่วมกันในพรรค

ถามว่า จะเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พรรคการเมืองจะมาสร้างเงื่อนไข แต่หลังจากวันที่ 24 มีนาคม ก็ต้องดูว่าผลที่ได้ออกมาเป็นอย่างไร ว่าพรรคไหนจะมีสิทธิ ตั้งเงื่อนไขได้แค่ไหน ให้รอถึงเวลานั้นแล้วมาคุยกันก็ยังไม่สาย แต่สำหรับพรรคจะเอาช่วงเวลาที่เหลือไปพบประชาชนมากกว่ามาตั้งเงื่อนไข

เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรคจะให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากเป็นลำดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อนใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือพรรคใดที่สามารถรวบรวมเสียงได้มากที่สุดเกินครึ่ง ซึ่งอาจจะมีมากกว่า 1 พรรคก็สมควรมีสิทธิดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล

“การเลือกตั้งคือต้องฟังเสียงประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ พรรคต่างๆ ที่ได้เสียงจากประชาชน ที่ต่างกัน ถ้าเรายึดหลักการนี้เสียงจะสำคัญที่สุด เมื่อพรรคไหน หรือกลุ่มไหนที่รวบรวมเสียงได้ก่อนเป็นลำดับ 1 ก็ควรจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถือเป็นกติกาที่ควรจะเดินไปตามนั้น” นายอุตตมกล่าว

เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของ ส.ว.250 คน จะต้องเลือกตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ว่าสนับสนุนพรรคใดด้วยหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ต้องให้เกียรติ ส.ว.สรรหา อย่าไปปรามาสว่าจะต้องเลือกแบบไหน เพราะเชื่อว่ามีความคิด ตัดสินใจได้ เชื่อว่าภายใน 24 ชั่วโมง หลังปิดหีบเลือกตั้งก็จะรู้แล้ว และเรายังไม่ได้คิดไปถึงขั้นว่าถ้าประกาศตัวจัดตั้งรัฐบาลจะประกาศที่พรรค และ พล.อ.ประยุทธ์ จะมาร่วมด้วยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลกับข้อสังเกต “งูเห่า ภาค 3” หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า “ไม่กังวล และผมมั่นใจว่าพรรคของเราไม่มี พรรคเราไม่กลัวงู”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า ยังไม่ทราบว่าจะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ 22 มีนาคม ที่สนามเทพหัสดิน หรือไม่นั้น ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า แม้พรรค พปชร.ได้นำคลิปของ พล.อ.ประยุทธ์ ไปเปิดตามเวทีปราศรัยต่างๆ ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ความนิยมของพรรคกระเตื้องหรือเป็นที่พูดถึงในวงกว้างได้เท่าที่ควร ทำให้แกนนำของพรรคยังคงต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาช่วยหาเสียง โดยเฉพาะการขึ้นปราศรัยใหญ่เวทีสุดท้ายในวันที่ 22 มีนาคม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกฎหมายและทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความเป็นห่วงใยในกรณีดังกล่าว เนื่องด้วยบุคลิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หากขึ้นเวทีแล้ว อาจคุมการพูดบนเวทีไม่ได้ รวมถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยยังมีความกังวลในเรื่องการดูแลความปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน จึงยังไม่ได้รับคำตอบว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีปราศรัยหรือไม่ เป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจกำลังตัดสินใจในขั้นสุดท้าย และคาดกันว่ายังมีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจขึ้นเวทีด้วยตัวเอง

มติชนออนไลน์