มติเอกฉันท์ สนช.เห็นชอบ ‘ก.ม.จัดซื้อจัดจ้าง’ กำหนดโทษคนโกง ติดคุก 10 ปี

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่2 เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ.ศ. …

โดย ร่างพ.ร.บ.มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทาวงการคลัง หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นประธาน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและกาบริหารพัสดุภาครัฐของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามแนวทางของพ.ร.บ.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาระสำคัญในมาตรา 7 บัญญัติให้พ.ร.บ.นี้ไม่ใช้บังคับแก่การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง การจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์และการบริการที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือโดยการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศที่กฎหมายของประเทศนั้นกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การจัดซื้อจัดจ้างจากเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อการให้บริการทางวิชาการของสถาบันอุดมศึกษา การจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือกจากรัฐบาลต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ

มาตรา 8 กำหนดเป็นหลักการสำคัญว่าการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐและต้องสอดคล้องกับหลักการ มีคุณภาพหรือคุณลักษณะที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ในการใช้งานของหน่วยงานของรัฐ มีราคาที่เหมาะสม และต้องโปร่งใสและมีหลักฐานการดำเนินงานชัดเจนและมีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุในทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ มีการกำหนดบทลงโทษไว้ในมาตรา 118 โดยระบุว่าผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่หรือเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุตามพ.ร.บ.นี้โดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 178 เสียงเห็นชอบให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป