“จตุพร” แนะ “ประยุทธ์” ย้อนดูคำพูดเปรม “ผมพอแล้ว” ชวนเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ถล่มทลาย

“จตุพร”แนะ ประยุทธ์ ให้กลับไปดูคำพูดสุดท้ายของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก่อนลงจากอำนาจที่ว่า “ผมพอแล้ว” และบอกสุเทพ ให้ไปอ่านหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาส “การเมืองบริสุทธิ์คือศีลธรรม การเมืองระยำคือการต่อสู้แย่งชิง” พร้อมเชิญชวนประชาชนเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตยถล่มทลาย ล้างบางเผด็จการ กังวลหากคะแนนก้ำกึ่งจะเกิดงูเห่าบ้านเมืองวิกฤตอีกรอบ

วันที่ 21 มีนาคม 2562 พรรคเพื่อชาติ นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่กรุงเทพมหานครช่วงเช้า โดยเริ่มที่ ตลาดห้วยขวาง ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ เขตห้า ห้วยขวาง ดินแดง นางสาวสาวิตรี สาทสุทธิ เบอร์ 14

นายจตุพร ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินตลาดห้วยขวาง ว่า ตนเชื่อว่า ภารกิจส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน ด้วยการเลือกพรรคเพื่อชาติ และฝ่ายประชาธิปไตย มีพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก ต่างก็ขานรับในภารกิจอันนี้ ในแต่ละฝ่ายก็ประกาศชัดเจน ในภารกิจส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน ด้วยการเลือกฝั่งประชาธิปไตย แต่อย่างที่ตนบอก ว่าการต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย ทั้งกลไกในรัฐธรรมนูญ ทั้งวุฒิสภาและเอกสิทธิ์ของส.ส.ที่ไม่จำเป็นต้องเคารพมติพรรค ซึ่งพูดได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่งเสริมให้เกิดงูเห่าขึ้นในพรรคการเมือง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่สามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด งูเห่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะเป็นความเลวร้าย จะเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมา

ในกรณีที่สมาชิกของพรรครวมพลังประชาชาติไทยได้ออกมาพูดว่า ถ้าเลือกฝ่ายประชาธิปไตยจะเกิดปฏิวัติขึ้นมาอีก เกิดรัฐประหารอีก ก็สอดคล้องกับที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้พูดว่า ถ้าเลือกพลเอกประยุทธ์บ้านเมืองจะสงบ แต่ถ้าเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง บ้านเมืองไม่สงบอย่างแน่นอน ซึ่งความไม่สงบจะเกิดขึ้นกับซีกฝ่ายของนายสุเทพ เพราะฉะนั้น มันก็สอดคล้องต้องกันกับการข่มขู่หรือบังคับให้ประชาชนเลือกพลเอกประยุทธ์ แล้วการปฏิวัติรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น ตนนายจตุพร ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยได้ข้ามความขลาดกลัวต่อเผด็จการ ใช้ความกล้าครั้งเดียว ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมนี้ ด้วยการล้างบางเผด็จการชุดนี้ เหมือนที่เคยล้างบางเผด็จการ รสช.เมื่อปี 2535/2 ซึ่งพี่น้องประชาชนได้สำแดงมาแล้ว เผด็จการมาที่ใดประชาชนเดือดร้อนที่นั่น เพราะฉะนั้นตนมิได้กลัว 250 เสียง สว.รวมกระทั่งถ้าประชาชนเลือกฝ่ายประชาธิปไตย อย่างถล่มทลาย งูเห่าก็เกิดขึ้นยาก แต่ถ้าชนะกันเด็ดขาดเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ากำกึ่งเมื่อไหร่จะยิ่งกว่าที่ทำการเสาวภาซะอีก

นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสุเทพมีสิทธิ์อะไรในการบังคับประชาชน ถ้าประชาชนเลือกฝั่งนายสุเทพ ซึ่งก็เพ้อ ว่าจะได้ 126 เสียงไปให้พลเอกประยุทธ์ บ้านเมืองก็จะสงบเพราะนายสุเทพได้ประโยชน์ นายสุเทพก็จะไม่เป่านกหวีดไล่ แต่ถ้านายสุเทพไม่ได้ประโยชน์ นายสุเทพจะต้องออกมาเคลื่อนไหว ขับไล่พวกที่ไม่ใช่พวกของนายสุเทพ ตนว่าวันนี้เราต้องใจกว้างๆ นายสุเทพเองควรจะกลับไปอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสบ้าง โดยเฉพาะคำว่า การเมืองบริสุทธิ์คือศีลธรรม การเมืองระยำคือการต่อสู้แย่งชิง

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีมีคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก ว่า คนทั่วไปอาจจะสบายใจเรื่องการที่มีคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก แต่ตนเป็นคนที่ผ่านเหตุการณ์มาหลายเหตุการณ์ ต้องยอมรับว่าตนไม่สบายใจ เพราะตนไม่เชื่อว่าการดูแลรักษาหีบเลือกตั้ง มันจะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ผลการเลือกตั้งล่วงหน้า กับวันเลือกตั้งจริงมันย้อนแย้งกัน มันขัดแย้งกันไม่ตรงกัน ซึ่งปกติแล้วมันควรจะเป็นทิศทางเดียวกัน เพราะฉะนั้นตนอยากจะบอกว่า กกต.ต้องแสดงความโปร่งใสอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่เจ็บปวดที่สุดในการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า นั่นคือความห่วงใยและที่สำคัญที่สุด

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีคลิปของพรรคเพื่อชาติที่มีการปล่อยมาวันนี้ว่า เราต้องการบอกพลเอกประยุทธ์ ให้จำคำพูดสุดท้ายของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษว่า “ผมพอแล้ว” หลังจากคำว่าผมพอแล้ว ประเทศไทยก็ยกย่องได้เป็นรัฐบุรุษ แต่ว่าถ้าผมไม่รู้จักพอ ปลายทางคือเผด็จการทรราช เพราะว่าอีก 4 ปี อายุของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็จะมากกว่ารัฐบาลพลเอกเปรมแล้ว และถ้าต่ออีก 4 ปี เพราะวุฒิสภาให้โหวตได้ 5 ปี ก็จะมากกว่าจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว และก็จะไปจ่อ จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ตนเองเห็นว่าประเทศไทยเป็นเส้นบางๆมาก วันนี้ถ้าเขาคิดว่าเขาชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่มีใครออกมาคำรามว่า ถ้าไม่เลือกพลเอกประยุทธ์ บ้านเมืองจะไม่สงบจะเกิดการรัฐประหาร ตนยังเชื่อว่า หลายปัญหายังรออยู่ เป็นการเลือกตั้งที่อึดอัด วิตกกังวลทั้งก่อนและหลัง หากก้ำกึ่ง ก็อาจเกิดปรากฏการณ์งูเห่า หากชนะขาดก็อาจนำไปสู่การ โมฆะ ก็ได้

จากนั้น พบปะพี่น้องประชาชน ณ ศูนย์ประสานงาน เขตคลองเตย กทม. ช่วยผู้สมัคร เขตสี่ คลองเตย นาย บุญเลิศ นุ้ยเมือง เบอร์ 1 ต่อด้วยโดยสารเครื่องบิน ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ณ อ.ท่าแพ , อ.ละงู จ.สตูล สิ้นสุดด้วยการปราศรัยใหญ่ ณ เทศบาลตำบลกำแพง อ.ละงู จ.สตูล ช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ จ.สตูล นาย ฟารูก พีรูซอะลี