“พิชัย” ซัดกลับ “ประยุทธ์” จบอะไรมา กล้าพูดเศรษฐกิจดี แนะควรไปอ่านหนังสือให้มาก

วันที่ 20 มีนาคม 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ สมาชิกกลุ่มก้าวหน้าเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล้าบอกว่าเศรษฐกิจปัจจุบันดี คนที่บอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดี คนพวกนี้ตกเลข เลอะเทอะ บัญญัติไตรยางค์ผิด อยากถามกลับว่า พล.อ.ประยุทธ์จบอะไรมาถึงกล้าพูดแบบนี้ เก่งเศรษฐกิจนักหรือ เหมือนที่เคยถามตนไว้ในเวทีการประชุมนานาชาติ G77 ขนาดพล.อ.ประยุทธ์เองยังไม่ทราบตัวเองเลยว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ จะไปทราบความเดือดร้อนของประชาชนทางเศรษฐกิจได้อย่างไร

นายพิชัย กล่าวอีกว่า หากจำกันได้พล.อ.ประยุทธ์ยังสอนให้ประชาชนผลิตรองเท้าแตะ แปลงสีฟัน ยาสีฟัน ส่งออกตีตลาดโลกอยู่เลย หากคิดได้เพียงเท่านี้ยังกล้ามาบอกว่าเศรษฐกิจปัจจุบันดี ก็อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆ พยายามศึกษาดูตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค.ปีนี้ที่หักหัวลงติดลบถึง – 5.7% และตลอด 5 ปีที่บริหารประเทศมา เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 3 % เท่านั้น ซึ่งต่ำมากและต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีฐานเศรษฐกิจคล้ายกัน อีกทั้งการลงทุนหดหายไปมากจนแทบไม่เหลือ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็เคยยอมรับเอง

นายพิชัย กล่าวว่า แค่ตัวเลขพวกนี้ไม่ต้องให้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ก็สามารถบอกได้ ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน คงมีแต่ พล.อ.ประยุทธ์และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์เท่านั้นที่กล้าบอกว่าเศรษฐกิจดี ทั้งๆ ที่โพลสำรวจทุกสำนักและทุกครั้ง ก็บอกว่ารัฐบาลสอบตกทางด้านการบริหารเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวเน็ตถึงได้แห่ติดแฮชแท็ก #ใครลูกมึง จนติดอันดับ เพราะคงน่าจะคิดกันว่าพ่อต้องฉลาดกว่านี้มาก หากประชาชนคนใดคิดว่าเศรษฐกิจดีก็ให้เลือกพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีและต้องการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเลือกฝั่งประชาธิปไตย เพราะหากเลือกพล.อ.ประยุทธ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคิดว่าเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว

นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องความสงบที่พยายามถูกนำมาเป็นจุดขายนั้น อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าคนที่ให้สัมภาษณ์และลงประวัติตนเอง ยอมรับว่าคิดและวางแผนทำปฏิวัติมา 6 เดือนล่วงหน้า จะมีส่วนรู้เห็นกับความไม่สงบด้วยหรือไม่ ซึ่งประเทศไทยได้เสียโอกาสอย่างมากในการพัฒนาประเทศ เพราะถูกการปฏิวัติรัฐประหารนี้มาโดยตลอด ถึงเวลาที่จะต้องหยุดไม่ให้มีการปฏิวัติรัฐประหารกันอีกต่อไปแล้ว