เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่บริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ถนนวรเดช เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เบอร์ 9 พร้อมนายมานิต นพอมรบดี อดีตส.ส.และอดีตรัฐมนตรีช่วยกระการกระทรวงสาธารณะสุข ผู้เป็นบิดา ขึ้นเวทีปราศรัย มีประชาชนกว่า 2 พันคนมานั่งฟัง

ช่วงแรกนายมานิต ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวถึงผลงานที่เคยทำให้กับ จ.ราชบุรี เมื่อครั้งเป็นส.ส.และรัฐมนตรี พร้อมกับรับปากว่าหาก น.ส.กุลวลี ได้เป็นส.ส.จะช่วยผลักดันงบประมาณ มาสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นของราชบุรี เช่น ก่อสร้างสะพานข้ามแยกนิสสัน ถนนเพชรเกษม ให้เชื่อมต่อเป็นวงแหวน ให้การสัญจรสะดวกมากยิ่งขึ้น

 

จากนั้นน.ส.กุลวลี ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวถึงนโยบายของพรรค พปชร. เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเฉพาะให้กับผู้พิการ และผู้สูงอายุ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จะมีเบี้ยยังชีพให้ผู้พิการเพิ่มขึ้น จะมีเงินกองทุนผู้สูงอายุ มีการฝึกอาชีพ และโครงการมารดาประชารัฐ พรรค พปชร. จะมีสวัสดิการให้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนคลอด และสนับสนุนถึง 6 ขวบ เฉลี่ยรวมคนละ 1.8 แสนบาท จะมีการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี และสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ

กระทั่งช่วงท้ายของการปราศรัย น.ส.กุลวลี เล่าถึงสมัยที่ยังเด็กว่าได้เห็นนางกอบกุล นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี ผู้เป็นมารดาที่ถูกยิงเสียชีวิต ทำงานการเมือง และเมื่อออกหาเสียงครั้งนี้มีชาวบ้านได้พูดคุยถึงผลงานที่มารดาทำไว้

ระหว่างปราศรัยช่วงนี้น.ส.กุลวลี ได้หยุดพูดเป็นช่วงๆ เพราะร่ำไห้ สะอื้น ทำให้ประชาชนที่มาฟังการปราศรัยน้ำตาคลอตามไปด้วย โดยเฉพาะช่วงที่นายภินภัคร ปานณรงค์ อายุ 68 ปี ผู้พิการขาขาดทั้ง 2 ข้าง และเป็นประธานชมรมผู้พิการ ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี นั่งรถวีลแชร์มาหน้าเวทีพร้อมนำภาพถ่ายนางกอบกุล โดยทำเป็นภาพคู่กับน.ส.กุลวลี และมีหมายเลข 9 เหมือนกันอัดภาพใส่กรอบมามอบให้น.ส.กุลวลี ทำให้น.ส.กุลวลี ยิ่งร่ำไห้จนน้ำตาไหลพราก จากนั้นมีชาวบ้านกรูเข้ามาโอบกอดน.ส.กุลวลี แล้วต่างก็ร่ำไห้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด

นายภินภัครกล่าวว่า ที่ทำภาพถ่ายมาให้เพื่อเป็นกำลังใจกับน.ส.กุลวลี เนื่องจากเมื่อปี 2548 นางกอบกุล เคยสมัครส.ส.ราชบุรี ได้เบอร์ 9 คราวนี้น.ส.กุลวลี สมัครส.ส.ก็ได้เบอร์ 9 เช่นกัน จึงขอให้สู้ๆๆต่อไป ทำงานการเมืองให้สำเร็จมีผลงานที่ดีเหมือนสมัยที่มารดาทำไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้นมีนายไพศาล พลกิจ อายุ 76 ปี อดีตข้าราชการสำนักงานศึกษาธิการ จ.ราชบุรี นั่งรถเข็นวีลแชร์มาให้กำลังน.ส.กุลวลี เช่นกัน และมีด.ช.นภดล อ่วมอิ่ม อายุ 11 ปี บ้านอยู่ ต.หลุมดิน อ.เมืองราชบุรี เดินมาหาน.ส.กุลวลี ที่กำลังร่ำไห้ พร้อมยื่นขนมข้าวเกรียบว่าวให้

ด.ช.นภดลกล่าวว่า ตนเคยนำขนมมาให้น.ส.กุลวลี หลายแห่งตั้งแต่ต้นปี 2562 รวม 7 ครั้งแล้ว เพราะจดจำไม่ลืมว่าน.ส.กุลวลี เคยช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง

มติชนออนไลน์