เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า พบหลักฐานที่น่าเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อาจฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 29 เนื่องจากนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้กล่าวยอมรับว่า “แม้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ออกปราศรัย แต่ก็ได้ให้คำปรึกษาพรรคอย่างใกล้ชิด ให้รับฟังปัญหานำมาทำนโยบายใหม่ๆ” จากคำพูดดังกล่าว จึงน่าเชื่อถือ เพราะนายกอบศักดิ์มีตำแหน่งเป็นโฆษกพรรค พปชร.นั่นเอง อีกทั้งการที่นายกอบศักดิ์ยอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คำปรึกษาพรรคอย่างใกล้ชิด ให้รับฟังปัญหานำมาทำนโยบายใหม่ๆ กรณีจึงอาจเข้าข่ายต่อไปว่า พปชร.จะมีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 28 ตามมาด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันที่มีการปราศรัยที่สุโขทัย พปชร. ยังนำคลิปของ พล.อ.ประยุทธ์มาเปิดในเวทีหาเสียงด้วย ซึ่งในคลิปดังกล่าว กระทำขึ้นในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องวางตัวเป็นกลาง การอัดคลิปไปให้ พปชร.ใช้หาเสียง จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 78 วรรคหนึ่ง และพรรค พปชร.อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 28 ตามมาด้วยอีกกระทงหนึ่งหรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวต่อไปว่า กรณีที่ กกต.จะวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่นั้น ขอเตือนให้ กกต.พิจารณาให้ครบถ้วน เพราะ กกต.เองเคยฟ้องศาลฎีกาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของผู้สมัครที่ จ.นราธิวาส กรณีที่ผู้สมัครรายนี้เป็นลูกจ้างรายชั่วโมง (วิทยากรอิสลามศึกษา) ของโรงเรียนบ้านบาโงระนะ ซึ่ง กกต.เห็นว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 102 (11) ซึ่งเป็นข้อความเดียวกันกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 (15) ต่อมาศาลฎีกาก็มีคำสั่งเพิกถอนการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรายนี้ รายละเอียดตามคำสั่งศาลฎีกาที่ 8861/2550 วันที่ 19 ธันวาคม 2550 อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีผู้ร้องตรวจสอบ พปชร. และ พล.อ.ประยุทธ์ หลายครั้งหลายคราวนั้น ล้วนเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏและข้อกฎหมายที่มีอยู่ แต่ กกต.ยังไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งหลายฝ่ายอาจเห็นว่า แตกต่างจากคำร้องของพรรคการเมืองอื่นนั้น ตนจะยังติดตามและร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งยื่นพยานหลักฐานที่พบใหม่ ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ต่อ กกต.ต่อไป