วันที่ 14 มีนาคม 2562 ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวภายหลังเดินทางมาที่ สมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย ถนนเพลินจิต พร้อม นายชัยนรินทร์ กุหลาบอ่ำ และ นางสาววีรินทร์  ตันเสรีสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อชาติ เพื่อร่วมงาน แถลงรายงาน สมาพันธ์สิทธิมนุษยชนสากล หรือ FIDH ในหัวข้อ “เงามืดมากกว่าแสงสว่าง : พรรคการเมืองไทยและพันธกิจด้านสิทธิมนุษยชน” ว่า บรรยากาศของบ้านเมืองในขณะนี้ อยู่ภายใต้การปกครองของ รัฐบาล คสช. มีการจำกัดเสรีภาพในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงด้านสิทธิมนุษยชน แต่ก็มีความหวังว่า หลังการเลือกตั้ง ประเทศเราจะมีความหวังมากยิ่งขึ้น กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนจะมีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพรรคเพื่อชาติเองก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยในปัจจุบัน พรรคการเมืองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่ จากการปกครองของ รัฐบาล คสช. มีกฎกติกามากมายคอยจำกัดสิทธิไว้ ต่างจากรัฐบาลปกติ รวมถึง หลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ จะพยายามผลักดันในการทำลายผลพวงของการรัฐประหารให้ได้อีกด้วย

ดร.รยุศด์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อชาติให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด แม้ว่ากระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองจะถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ มากมาย จากกฎกติกาที่รัฐบาล คสช. กกต.ชุดนี้สร้างขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อชาติ หรือ พรรคการเมืองฟากฝั่งประชาธิปไตยกังวล แม้เราอยู่ภายใต้กฎกติกาที่เราถูกเอารัดเอาเปรียบ เราก็มีความตั้งใจดีที่จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะถูกเอาเปรียบในทุกกระบวนการ แต่อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าพี่น้องประชาชนจะเทคะแนนให้พรรคการเมืองฟากฝั่งประชาธิปไตย ให้เราได้ที่นั่งรวมกันเกิน 376 เสียง หรืออย่างน้อยสุด เกิน 251 ที่นั่ง เพื่อให้กระบวนการเข้าสู่อำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งหมดทั้งปวง เราก็ต้องถามพี่น้องประชาชนว่า ยังต้องการพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่หรือไม่ ถ้าไม่ต้องการ ก็ขอให้พี่น้องประชาชน เทคะแนนมาทางพรรคการเมืองฟากฝั่งประชาธิปไตยให้มากที่สุด

ดร.รยุศด์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่า พรรคเพื่อชาติ เป็นพรรคของคนเสื้อแดง ซึ่งเคยถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความยุติธรรมที่คนเสื้อแดงได้รับอยู่เสมอ ว่า คนที่ร่วมเป็นร่วมตายในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถ้าหากมีใจรัก ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อชาติ เราพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกัน ไม่ว่าจะอยู่ฟากฝั่งไหน เพียงมีใจรักประชาธิปไตย พรรคเพื่อชาติเองพร้อมจะร่วมมือ แล้วก็เดินไปด้วยกัน เพื่อทวงคืนระบอบประชาธิปไตยกลับมา รวมถึงในด้านกระบวนการยุติธรรม หลังการเลือกตั้ง เราก็ควรจะมีการปฏิรูป ให้สามารถสร้างความเท่าเทียมกับทุกฝ่ายได้ โดยไม่มีข้อกังขา ประเด็นเหล่านี้ต้องถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญ ถ้าวันหนี่งเรามีโอกาสได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นนี้จะเป็นประเด็นหนึ่งที่เราจะหยิบยกเข้ามาพูดในสภาผู้แทนราษฎรอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ในการร่วมงานดังกล่าว ดร.รยุศด์ ยังมีโอกาสได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประเด็นสิทธิมนุษยชน กับ ฯพณฯ นายอีโว ซีเบอร์ เอกอัครรัฐทูตสมาพันธรัฐสวิส (สวิตเซอร์แลนด์) ประจำประเทศไทย ตลอดจน ตัวแทนจากองค์กรภาคประชาชน อื่นๆ อีกด้วย