“อนาคตใหม่” หาเสียงเมืองสุพรรณ เปิดเวทีปราศรัยเมืองอู่ทอง ชวนกาเพื่อความเปลี่ยนแปลง

วันที่ 13 มีนาคม 2562 ที่ จ.สุพรรณบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางช่วยผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในจังหวัดหาเสียง โดยเริ่มต้นเดินพบปะประชาชนที่ตลาดเช้า อ.เดิมบางนางบวช ประชาชน พ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับและเข้ามาขอถ่ายรูปร่วมเป็นจำนวนมาก จากนั้นเดินทางต่อไปที่ตัวเมืองสุพรรณบุรี ขึ้นรถแห่ประชาสัมพันธ์ เคลื่อนไปตามถนนในเขตเทศบาลเมือง ก่อนเข้าสักการะหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร และพบปะประชาชนที่มารอต้อนรับ

ทั้งนี้ ตลอดทางหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวเชิญชวนชาวสุพรรณบุรีออกไปเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เพื่อร่วมกำหนดอนาคตด้วยมือของตนเอง อย่าปล่อยให้การเมืองแบบเก่าฉุดรั้งประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้คือการเลือกตั้งเพื่อความเปลี่ยนแปลง ขอโอกาสพรรคอนาคตใหม่ เข้าไปในสภาเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยที่ยั่งยืนกลับมา เพื่อยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. เพื่อนำเศรษฐกิจที่เท่าเทียมเป็นธรรมมาสู่ประชาชน และเพื่อสร้างสังคมไทยที่ดีกว่านี้ให้กับลูกหลานของเรา และลูกหลานพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลง สุพรรณบุรีต้องเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายธนาธร เดินทางต่อไปยัง อ.อู่ทอง เพื่อร่วมเวทีปราศรัย เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.สุพรรณบุรี ทั้ง 4 เขต ได้แก่ เขต 1 นายอัศวรักษ์ ผดุงชีวิต เขต 2 นายสุเมธ เรืองเดช เขต 3 นายทวีศักดิ์ ฐานบัญชา และเขต 4 นายสังวร แดงทอง ทั้งนี้ นายธนาธร กล่าวถึงนโยบายเกษตรก้าวหน้าที่จะยกระดับชีวิตเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสุพรรณบุรี ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนานั้น ต้องใช้เทคโนโลยี มีไซโลเก็บข้าว เครื่องอบข้าวที่ทันสมัยมาใช้ ซึ่งเหล่านี้ไม่ต้องนำเข้า สามารถสร้างได้ในประเทศ สามารถสร้างที่สุพรรณบุรีได้ และเมื่อผนวกกับนโยบายยุติรัฐรวมศูนย์ของพรรคอนาคตใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นจัดสรรภาษีได้ด้วยตัวเอง ภาษีที่จัดสรรมา คนในท้องถิ่นจะได้ร่วมกันออกแบบว่าจะเอาโรงงานแปรรูปข้าว โรงงานแปรรูปน้ำมันข้าว หรือจะเอาเครื่องอบข้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนำข้าวไปตากกลางถนนอย่างที่เป็นอยู่วันนี้ คนในท้องถิ่นตัดสินกันเองว่าจะเอาภาษีไปทำอะไร

“ผมอยากจะย้ำกับพี่น้องประชาชนชาวสุพรรณบุรีว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว เมื่อได้ยินคำว่าการเมืองให้คิดถึงคำว่าอำนาจ และจากนั้นให้นึกถึงคำว่าภาษีของเรา ทีนี้ลองคิดดูว่า ใครมีอำนาจในการจัดสรรภาษีของเรา ว่าจะนำไปใช้อย่างไรบ้าง ความยากจนของเราไม่ใช่เรื่องขี้เกียจ ไม่ใช่เพราะเราโง่ แต่เป็นเพราะเราซึ่งเป็นประชาชนคนธรรมดาไม่มีอำนาจในการจัดสรรทรัพยากร” นายธนาธร กล่าว และทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม นโยบายต่างๆ ไม่อาจทำได้ ถ้าบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ผู้นำมาจากประชาชนนั้นย่อมที่จะฟังเสียงประชาชนว่าต้องการอะไร แต่การเมืองเผด็จการย่อมไม่ต้องการเห็นประชาชนเติบโตพัฒนา เพราะเขาต้องการกดทับศักยภาพของประชาชน ควบคุมประชาชนไว้ เพื่อง่ายต่อการปกครองต่อไป