กรธ.ชี้ อดีต กก.บห. ทษช. ยังหาเสียงได้ แม้ถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปีว่า ประเด็นระยะเวลาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ แม้ในรัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่กำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเข้าใจได้ว่า การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ทั้งนี้ตนไม่ติดใจเนื่องจากฟังรายละเอียดคำวินิจฉัยซึ่งยกเหตุผลและคำอธิบายว่าพฤติกรรมเสนอชื่อบุคคลที่มีตำแหน่งในสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯหลังเลือกตั้งไม่ส่งผลร้ายแรง

นายชาติชาย กล่าวด้วยว่าสำหรับข้อห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ตัดสิทธิจัดตั้งพรรคใหม่, เป็นกรรมการบริหารพรรค และ ร่วมจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่นั้น ตามกฎหมายนักการเมืองของพรรคไทยรักษาชาติ สามารถใช้สิทธิฐานะนักการเมือง เพื่อแสดงความเห็น ทำกิจกรรมและรณรงค์ทางการเมืองได้ แต่ต้องไม่ใช่การกระทำที่ขัดหรือผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง เช่น รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ออกเสียงไม่ประสงค์จะลงคะแนน (โหวตโน) เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา73 ที่ห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ผู้สมัครอื่น หรือ ให้ลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็น ส.ส.

“คนของพรรคไทยรักษาชาติ คงมีวิธีบอกให้ประชาชนซึ่งเป็นฐานเสียงให้เลือกพรรคการเมืองอื่นแทน หลังจากที่ไทยรักษาชาติถูกยุบ โดยสามารถทำได้ แต่ไม่สามารถประท้วงได้ เพราะตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ และวินิจฉัยครอบคลุมตามหลักนิติศาสตร์ มีเหตุและผล ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีม็อบหลังจากนี้นั้น ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น”นายชาติชาย กล่าว

นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปีว่า ประเด็นระยะเวลาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณาได้ แม้ในรัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่กำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเข้าใจได้ว่า การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ทั้งนี้ตนไม่ติดใจเนื่องจากฟังรายละเอียดคำวินิจฉัยซึ่งยกเหตุผลและคำอธิบายว่าพฤติกรรมเสนอชื่อบุคคลที่มีตำแหน่งในสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯหลังเลือกตั้งไม่ส่งผลร้ายแรง

นายชาติชาย กล่าวด้วยว่าสำหรับข้อห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ตัดสิทธิจัดตั้งพรรคใหม่, เป็นกรรมการบริหารพรรค และ ร่วมจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่นั้น ตามกฎหมายนักการเมืองของพรรคไทยรักษาชาติ สามารถใช้สิทธิฐานะนักการเมือง เพื่อแสดงความเห็น ทำกิจกรรมและรณรงค์ทางการเมืองได้ แต่ต้องไม่ใช่การกระทำที่ขัดหรือผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง เช่น รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ออกเสียงไม่ประสงค์จะลงคะแนน (โหวตโน) เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา73 ที่ห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ผู้สมัครอื่น หรือ ให้ลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็น ส.ส.

“คนของพรรคไทยรักษาชาติ คงมีวิธีบอกให้ประชาชนซึ่งเป็นฐานเสียงให้เลือกพรรคการเมืองอื่นแทน หลังจากที่ไทยรักษาชาติถูกยุบ โดยสามารถทำได้ แต่ไม่สามารถประท้วงได้ เพราะตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ และวินิจฉัยครอบคลุมตามหลักนิติศาสตร์ มีเหตุและผล ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีม็อบหลังจากนี้นั้น ผมไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น”นายชาติชาย กล่าว

มติชนออนไลน์