คาดเลือกตั้งเงินสะพัด 2-3 หมื่นล้าน | หวังเศรษฐีสละเบี้ยยังชีพให้คนชรายากจน | 3 ปท.ดันราคายางไม่ต่ำกว่า 50 บ./โล

แฟ้มข่าว

สศช.คาดเลือกตั้งเงินสะพัด 2-3 หมื่นล้าน

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ฟื้นตัวชัดเจนแล้ว จึงคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2562 จะเติบโต 4.0% หรือในกรอบ 3.5-4.5% โดยค่าใช้จ่ายทั้งจากรัฐบาลและเอกชนในการหาเสียงและการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมนี้ ประเมินมีมูลค่ากว่า 2-3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นราว 0.1-0.2% ของจีดีพี การส่งออกคาดเติบโต 4.1% จากแรงกดดันเศรษฐกิจโลกที่อาจจะเติบโตชะลอและผลจากสงครามการค้า ขณะที่การท่องเที่ยวสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงไตรมาสแรก 2562 คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 41 ล้านคน สร้างรายได้ 2.24 ล้านล้านบาท

“อ.ต.ก.” ปูพรมเจาะชุมชน-อีอีซีเพิ่มรายได้

นายกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า อ.ต.ก.ได้ปรับโครงสร้างการบริหารและหารายได้ใหม่ เน้นการบริหารที่เพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์สัดส่วน 70% และรายได้จากบริหารงานตามนโยบายรัฐ 30% ตั้งเป้าลดการขาดทุนเป็นกำไรหลังปี 2562 เริ่มจากปี 2563 จะมีกำไร 100 ล้านบาท ทำรายได้กว่า 400-500 ล้านบาทต่อปี โดยผ่านแผนความร่วมมือในการพัฒนาส่งเสริมการผลิตและจำหน่ายสินค้าชุมชน และร่วมมือภาคเอกชนในการกระจายช่องทางจำหน่ายต่างๆ ผ่านช่องทาง อ.ต.ก.ทั่วประเทศให้ถึง 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 จากปีนี้คาดมีมูลค่า 5 พันล้านบาท รวมถึงเตรียมเปิดสาขาตลาด อ.ต.ก.แห่งที่ 3 ปลายปีนี้ พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จ.ชลบุรี ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และกำลังเจรจากับภาคเอกชน จ.นครราชสีมา เปิดอีก 1 แห่ง รวมถึงขณะนี้กำลังสำรวจสวนทุเรียนเพื่อออกใบรับรองคุณภาพสวนและสินค้า ผลักดันยอดขายทุเรียนเน้นส่งออกไปจีน เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่นิยมทุเรียนไทยและสั่งซื้อในปริมาณสูงต่อเนื่อง

ลุ้นเศรษฐีสละเบี้ยยังชีพให้คนชรายากจน

นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ประเมินว่าจะมีคนชรามีฐานะและไม่จำเป็นต้องใช้เบี้ยยังชีพคนชราหลักหมื่นคนบริจาคเบี้ยให้กระทรวงการคลัง เพื่อนำไปให้คนชราที่ยากจนจะได้เบี้ยเพิ่มขึ้น ปัจจุบันคนสูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้คนละ 600 บาท และค่อยๆ ปรับสูงขึ้นตามอายุ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายว่าหากมีคนสูงอายุบริจาคเบี้ยยังชีพเป็นจำนวนมาก อาจทำให้คนสูงอายุที่ยากจนรับเบี้ยยังชีพคนละ 1,000 บาท ซึ่งกระทรวงการคลังคาดหวังว่าหลังจากนี้ที่เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการบริจาคผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์ทั้งเอกชนและรัฐ รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ น่าจะช่วยเพิ่มคนบริจาคได้ สัดส่วน 10% ของกลุ่มเป้าหมาย 6 ล้านคนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

เร่งถกข้อตกลงอาร์เซ็ปทันใช้ปีนี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยในฐานะประธานอาเซียนได้ตั้งเป้าให้การสรุปผลการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องสำเร็จในปีนี้ โดยไทยจะแสดงบทบาทนำในอาเซียนเพื่อขับเคลื่อนการเจรจา และจะร่วมมือกับสมาชิกอีก 15 ประเทศ เร่งดำเนินงานตามแผนการทำงานเพื่อมุ่งสู่ผลลัพธ์ภายในปี 2562 โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการเจรจาอาร์เซ็ป ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 19-28 กุมภาพันธ์นี้ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยรอบนี้เป็นการหารือต่อเนื่องจากการประชุมครั้งที่ 24 เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเร่งหาข้อสรุป 13 บทที่เหลือ เช่น การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การเยียวยาทางการค้า การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การแข่งขัน และบทกฎหมาย เป็นต้น จากนั้นจะรายงานต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีอาร์เซ็ป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 วันที่ 2 มีนาคมนี้ ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา และมุ่งมั่นให้การเจรจาสรุปผลทั้งหมดภายในปีนี้

3 ปท.ดันราคายางพาราไม่ต่ำกว่า 50 บ./ก.ก.

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการประชุมสภาไตรภาคียางพารา (ไอทีอาร์ซี) สมัยพิเศษ ประกอบด้วย 3 ประเทศสมาชิก คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้ตั้งคณะทำงานหามาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราที่จะมีการประชุมวันที่ 4 มีนาคมนี้ จำนวน 5 มาตรการ คือ 1.มาตรการจำกัดปริมาณการส่งออกยาง 2.มาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศของทั้ง 3 ประเทศ 3.มาตรการลดพื้นที่การปลูกยางพาราเพื่อปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศ เพื่อบริหารจัดการผลผลิต 4.การจัดตั้งตลาดกลางเพื่อซื้อขายยางพาราในตลาดซื้อขายจริง และตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยเป็นตลาดที่จัดตั้งร่วมกันระหว่างภูมิภาค เพื่อใช้เป็นตลาดกลางซื้อขายยางพาราและการซื้อขายล่วงหน้า และ 5.การตั้งสภายางแห่งอาเซียนเพื่อเป็นเวทีให้ทั้ง 3 ประเทศมาพูดคุยกันตั้งแต่การแปรรูปยางพารา การศึกษาค้นคว้า งานวิจัย หรือเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

“คาดหวังว่า 5 มาตรการจะทำให้ราคายางพาราไม่ต่ำกว่า 50 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) เพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน หรือราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ส่วนการทำถนนที่ใช้งบฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เชื่อว่าจะดึงผลผลิตออกจากระบบได้ประมาณ 1 ล้านตัน ได้ถนนในหมู่บ้านหรือตำบลประมาณ 80,000 กิโลเมตร” นายกฤษฎากล่าว