“ยงยุทธ” ซัดสังคมไทยไม่ยุติธรรม คนรวยทำผิดกลับรอด-ทหารฉีกรธน.แต่พ้นผิด

เมื่อเวลา 17.00 น.ของวานนี้ (1 มีนาคม 2562) ณ หอประชุม อบจ. เก่า จังหวัดพิษณุโลก พรรคเพื่อชาติ นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรค, นายธีรพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรค, นางสาวชุติมา กุมาร ประธานสาขาภาคเหนือพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ เบอร์ ๑๕ เขต ๒ นายยอด นาคหวัง ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรง ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มทยอยกันเข้ามายังบริเวณลานจัดกิจกรรมหาเสียงของพรรคเพื่อชาติ เป็นระยะๆ จนเต็มพื้นที่ทั้งหมด

เวลา 16.30 น. พิธีกรเริ่มขึ้นบนเวทีทักทายชาวบ้านและให้รายละเอียดของการปราศรัยของเย็นนี้
นายปกรณ์เกียรติ ญานหาร ที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเพื่อชาติ ได้ขึ้นมาเปิดประเด็นถึงความเดือดร้อนเรื่องปัญหาที่ทำกินของชาวบ้าน ที่เกิดจากความบกพร่องด้านเทคนิคของรัฐที่ไม่มีมาตรฐานเกี่ยวกับหลักฐานที่ดินเดียวกัน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องแนวเขตที่ดินทับซ้อนของชาวบ้านกับรัฐ จนไม่สามารถทำประโยชน์บนพื้นที่ของตัวเองได้อีกต่อไป พรรคเพื่อชาติจึงมีนโยบายที่ผลักดันให้มีหลักฐานที่ดินคือโฉนดแผ่นเดียวบนมาตรฐานแนวเขตที่ดินเดียวกัน

นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ได้ขึ้นมาแนะนำตัวรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายปรียนันท์ สุววรณคีรี บุตรชายของ ดร.อำนวย สุวรรณคีรี ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อชาติเพื่อลดความแตกแยกระหว่างกลุ่มเสื้อสีและสานนโยบายเกาะกลางของพรรคเพื่อชาติ

นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ย้ำถึงความสำเร็จของโครงการสามสิบบาทจากอดีตและจะต่อยอดโครงการสามสิบบาท เป็นนโยบายหนึ่งแพทย์หนึ่งตำบลต่อไป โดยเน้นถึงความสำคัญที่จะต้องนำเอาบุคลากรในพื้นที่เรียนแพทย์และเมื่อจบการศึกษาจะต้องกลับไปทำงานท้องถิ่นของตนเอง ที่จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก สำหรับท้องถิ่นนั้นๆ ที่ชาวบ้านไม่ต้องเดินทางไกลไปยังโรงพยาบาลที่ตั้งห่างไกลออกไป ส่วนงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ สามารถสร้างโรงพยาบาลตำบลได้มากกว่า ๗๐๐๐ แห่งทั่วประเทศ แต่ใช้งบประมาณน้อยกว่าการซื้อเรือดำน้ำหนึ่งลำเป็นหมื่นล้านบาท และนโยบายที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะมีการเพิ่มเงินผู้สูงอายุ เป็นหัวละสองพันบาทต่อเดือนไปตลอดชีวิต

นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ได้ขึ้นมาย้ำประเด็นการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งถึงความไม่ได้เป็นมืออาชีพ เป็นบุคลากรที่ขาดความชำนาญในการบริหารประเทศของทหาร ซึ่งในช่วงแรกหลังจากการเข้ายึดอำนาจ ได้ต้องการปฏิรูปประเทศ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างกระทำไปเพื่อต้องการยืดอำนาจการปกครองให้ยาวนานออกไปอีก

นายยงยุทธ ติยะไพรัช ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ได้ตอกย้ำถึงความไม่ยุติธรรมของสังคมไทย คนรวยทำผิดแต่ไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ เช่นเดียวกับรัฐบาลทหารที่เข้ามาฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไป แต่กลับไม่มีความผิดเพราะคณะปฏิวัติออกกฎหมายที่ให้ตัวเองพ้นความผิดไปได้ ความแตกต่างระหว่างคนรวยและคนจนที่มากขึ้นทุกขณะ และส่งเสริมเฉพาะคนรวยๆ เช่น การให้สัมปทานโรงเหล้าของรัฐบาลทหารสมัยพลเอกสฤษดิ์ ที่ยาวนานมาจนถึงปัจจุปัน สร้างคสามร่ำรวยมหาศาลให้กับคนกลุ่มๆ เดียว แต่กลับออกกฎหมายที่ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถจะทำเหล้าพื้นบ้านเพื่อใช้บริโภคในหมู่กันเองได้ แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะหากทำตามกฎหมายแล้ว ชาวบ้านจะต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงาน ทั้งๆ ที่ชาวบ้านสามารถผลิตเหล้าคุณภาพดี ตามความรู้พื้นบ้านได้เป็นอย่างดี โดยเปรียบเทียบให้เห็นตัวอย่างเหล้าท้องถิ่นของอังกฤษในหมู่บ้านเล็กๆ แต่สามารถผลิตเหล้าออกมาขายได้ทั่วโลก ได้หลากหลายยี่ห้อ แต่ไม่สามารถกระทำได้ นโยบายของพรรคเพื่อชาติต้องการยกเลิกระบบสัมปทานที่ผูกขาดออกไปทั้งหมด
การสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้เข้ามาพัฒนาประเทศ ในสาขาต่างๆ ให้ตรงกับงานนั้นๆ และทหารจะต้องเป็นเพียงรั้วของชาติเท่านั้น ไม่ใช่นักบริหารประเทศ และไม่ได้เรียนรู้โดยตรงเกี่ยวกับการปกครองประเทศ

นายยงยุทธ ได้ชูนโยบายที่สำคัญ ที่ต้องการจะเร่งทำอย่างเร่งด่วนหากได้เข้ามาบริหารประเทศ คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ในลักษณะการพัฒนาชุมชนให้เป็นโฮมสเตย์ กระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนโดยตรง โดยให้ชาวบ้านปรับปรุงบ้านให้มีห้องนอน ห้องน้ำที่สะอาด แล้วเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปพักได้โดยตรง รวมถึงการพัฒนาชาวบ้านให้สามารถแนะนำการท่องเที่ยวต่างๆ ให้นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดรายได้มากขึ้น
การปราศรัยได้สินสุดลงประมาณ ๑๘.๐๐ น.