“เพื่อชาติ” ลงหาเสียงย่านลาดพร้าว “จตุพร” ชี้ ปชช.ขาด “ประยุทธ์” ชีวิตดีแน่

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ และคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาตินำคณะลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร พบปะพี่น้อง ประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 ลาดพร้าว วังทองหลาง นางสาววีรินทร์ ตันเสรีกุล เบอร์ 1 โดยช่วงเช้า ทางคณะได้สักการะศาลพระพรหม หน้าห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าวก่อนขึ้นรถหาเสียงวนรอบเขตลาดพร้าว และพบปะประชาชนที่ตลาดสะพาน 2 ลาดพร้าว 47 ต่อด้วยพบปะพี่น้องประชาชน บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี โชคชัย 4

โดยนายจตุพร กล่าวว่าจากการลงพื้นที่หาเสียงใน กทม.นั้น เขตการเลือกตั้งใกล้เคียงกันมาก เช่นบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียลเวิลด์ ลาดพร้าวสองฝั่งคนละเขต ถัดไปก็เป็นอีกเขต ตนมองว่าจะทำให้เกิดความสับสนกับประชาชนต่อการตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งทั้งนี้ในเขตลาดพร้าววังทองหลาง ยกเว้นเขตพลับพลา หมายเลข 1 เขต 8 จึงมาขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนเพื่อเพิ่มคะแนนให้กับฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งผู้สมัครในเขตนี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีบุคลิกภาพที่จะเข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีได้

นายจตุพร กล่าวด้วยว่าความเป็นพรรคเพื่อชาติไม่ได้เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่แต่เป็นพรรคการเมืองที่ต้องการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ ด้วยความไม่หวือหวาแต่จะใช้เวลาในการทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้เห็นความตั้งใจระยะเวลาที่เหลืออีก 27 วันนี้ตนเชื่อว่ายังมีเวลาพอ ดังนั้นจะไม่พูดว่าจะได้กี่เสียงไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด ขณะที่แต่ละพรรค เช่นพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ประกาศตัวว่าจะได้ คะแนนจากประชาชน ถึง 150 เสียง พรรคนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังรวมประชาชาติไทย ก็ประกาศว่า จะได้ 50 เสียง แต่พรรคเพื่อชาติ เชื่อว่าแนวทาง นโยบาย เรื่องการฟื้นคืนประเทศไทย เรื่องการสร้างประชาธิปไตย และก้าวไปด้วยกันนั้น คือความจริงของบ้านเมืองในขณะนี้ ดังนั้นโค้งสุดท้าย ถึงจะรู้ว่าพรรคเพื่อชาติจะได้ ส.ส. กี่ที่นั่ง จึงไม่ขอประเมิน เพราะว่าเรายังเป็นเรือลำเล็กอยู่แต่รู้ว่าจะต้องหาปลาอย่างไรและกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน ซึ่งเรือใหญ่อาจจะกวาดไปทีเดียว แต่พรรคเพื่อชาติไม่มีศักยภาพถึงขนาดนั้นเพราะข้อจำกัดเรื่องของงบประมาณหรืออำนาจรัฐ จึงจะเหลือแต่พื้นที่หัวใจที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น

ส่วนกรณีที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นคำถามกับประชาชนว่า “ถ้าไม่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ใครไอ้หน้าไหนจะหยุดความขัดแย้ง” นายจตุพร กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ได้โอกาสมาแล้ว 5 ปีและคนที่ประกาศก็คือคนที่อยู่กับพลเอกประยุทธ์มายาวนาน 5 ปี เช่นกัน ตนขอยืนยันว่าทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือเพื่อสร้างความปรองดอง กับพลเอกประยุทธ์ มาโดยตลอด แต่สุดท้ายแล้ว ความปรองดองก็เกิดขึ้นไม่ได้เพราะพลเอกประยุทธ์ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม คนที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง สังคมไทยต้องติดตามกันให้ดี เหมือนที่เราพูดกันมาฝ่ายความมั่นคง ไม่ต้องการให้ประเทศเกิดความมั่นคง ถ้าประเทศมีความมั่นคง ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่รู้จะทำอะไร เช่นเดียวกับความแตกแยก วันนี้คือความเห็นต่าง เหมือนนายสุเทพ ประกาศชัดเจนว่าไม่ร่วมมือกับตระกูลเพื่อแต่ความจริงนั้น วันนี้ไม่ใช่เรื่องตระกูลเพื่อแต่เป็นเรื่องว่า จะเอาพลเอกประยุทธ์หรือไม่เอาพลเอกประยุทธ์ มีสองฝ่ายเท่านั้นในทางการเมือง และตนเชื่อว่าคนที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐขาดพลเอกประยุทธ์ไม่ได้แต่หากประชาชนขาดพลเอกประยุทธ์ชีวิตประชาชนจะดีขึ้นอย่างแน่นอน

จากนั้น ในช่วงบ่าย คณะพรรคเพื่อชาติ ได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่ตลาดนัดวังรุ้ง ถนนนวลจันทร์ 38-40 และที่ตลาดนัดเลียบทางด่วน รามอินทรา เป็นการเสร็จสิ้นการหาเสียงของพรรคเพื่อชาติในพื้นที่ กทม. เขต 8