เผยแพร่ |
---|
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 พรรคไทยรักษาชาติ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง ที่จังหวัดชัยนาท นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจ, นายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์ พร้อมด้วยคณะทำงานและแกนนำพรรค โดยมีนายสมชาย สิทธิบรวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ เขต 1 จังหวัดชัยนาท พร้อมผู้สนับสนุนให้การต้อนรับ
โดยคณะเดินทางมาถึงและรวมตัวที่สำนักงานพรรคไทยรักษาชาติ จังหวัดชัยนาทในช่วงบ่าย ได้เข้าสักการะศาลหลักเมือง จากนั้นขึ้นรถแห่พบปะประชาชนรอบเมือง และบริเวณตลาด ท่ารถ บขส.เก่า ต่อเนื่องด้วยตลาดคลองถม ก่อนที่แกนนำสำคัญและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจะขึ้นเวทีปราศรัย บริเวณเขื่อนเรียงหิน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดชัยนาท ซึ่งมีประชาชนให้กำลังใจ, แสดงถึงการสนับสนุนและร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมาก
นายจาตุรนต์ กล่าวถึงกรณีที่สังคมรอความชัดเจนและคอยจับตาการดีเบตของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า หากพลเอกประยุทธ์มาดีเบตเช่นเดียวกับตัวแทนพรรคการเมืองคนอื่นๆก็เป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาพูดคนเดียวตลอด ทั้งไม่ฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่น และเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นจะเป็นจึดอ่อนของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งจะทำให้ตกที่นั่งลำบากในการดีเบตด้วย และหากพลเอกประยุทธ มาร่วมเวทีดีเบต แล้วถูกคนอื่นวิจารณ์, ถูกต้อนกลางเวทีหรือระหว่างการออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็ขออย่าได้เอาผิด กลั่นแกล้งหรือใช้อำนาจเล่นงาน นีกการเมืองทีวิจารณ์หรือช่องรายการที่จัดเวทีดีเบต
ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ยังเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจ งดใช้ อำนาจตามมาตรา 44 และคำสั่ง คสช.ต่างๆที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับ พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจค้นหรือดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายความมั่นคงและอื่นๆ ตลอดจนการแทรกแซงสื่อสารมวลชน ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งจากการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง นอกเหนือไปจากมี ส.ว. 250 คนที่แต่งตั้งไว้แล้ว จะทำให้ไม่มีความชอบธรรมในการนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, สังคมและต่างชาติไม่ยอมรับซึ่งจะไม่มีทางแก้ปัญหาต่างๆของประเทศได้
นายณัฐวุฒิ ระบุว่า หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้พลเอกประยุทธ์ ออกมาดีเบตได้ ก็ควรพิจารณาว่าจะยังจัดรายการทุกคืนวันศุกร์ต่อไปได้อีกหรือไม่ด้วย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ และกล่าวถึงนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวปราศรัยหาเสียงในกรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย “ขึ้นมึงขึ้นกู” โดยมองว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและถือว่าไม่เคารพประชาชน ซึ่งขณะนี้การต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและไม่เป็นประชาธิปไตยมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆและอยู่ในกระแสสูง ทุกฝ่ายจึงควรใช้สติ และนักการเมืองไม่ควรมีท่าทีเกรี้ยวกราดหยาบคายต่อประชาชนเช่นนั้น
พร้อมกันนี้ ได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกรณีชายวัยฉกรรจ์ ที่ก่อคดีในงานบวช โดยบุกเข้ารุมทำร้ายครูและนักเรียนในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ กรุงเทพมหานคร ปรากฏตามสื่อต่างๆวานนี้และมีผู้ไปโพสต์ Facebook และ Instagram พาดพิงว่าเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงและตัวนายณัฐวุฒิเองด้วยว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พร้อมตั้งข้อสังเกตและให้ทนายความรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อแจ้งความเอาผิดตามพรบคอมพิวเตอร์ รวมถึงดูว่าการใส่ความพาดพิงตามที่ปรากฏเข้าข้อกฎหมายใดเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ เพื่อปกป้องสิทธิตัวเองในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ด้วย