เผยแพร่ |
---|
“คุณหญิงสุดารัตน์”เผยเพื่อไทยเตรียม ประกาศนโยบาย ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวเกวียนละ 5,000 บาท ไม่เกิน15 เกวียน จี้กกต.ตรวจสอบนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาหาเสียง ปูดหากได้เป็นส.ส.บางพื้นที่ให้โควต้า 6 หมื่นใบ
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 คุณหญิงสุดารัตน ์เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงที่จังหวัดสุโขทัยว่า พรรคเพื่อไทยเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาคการเกษตรโดยเฉพาะที่จังหวัดสุโขทัยซึ่ง ปลูกข้าวและยาสูบ โดยที่ผ่านมารัฐบาลปรับลดการรับซื้อใบยาสูบลง 48% แต่ไม่มีมาตรการรองรับทำให้ผลกระทบตกอยู่ที่เกษตรกร เพราะปกติการปรับลดการรับซื้อราคาจะต้องเพิ่มขึ้น แต่กรณีของใบยาสูบ ราคากลับเท่าเดิม ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงอยากให้ ทบทวนนโยบายยาสูบโดยเฉพาะการนำเข้า บุหรี่จากต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นการผลักภาระให้กับเกษตรกรนำบุหรี่จากนอกประเทศมาแข่งขันกับบุหรี่ไทย
ส่วนข้าวพรรคมีนโยบายที่เตรียมไว้แล้ว หลังจากนี้จะมีการแถลงเปิดตัวนโยบายภาคการเกษตร แต่เบื้องต้นจะทำให้ภาคการเกษตรของไทยมุ่งสู่การเป็นอาหารสุขภาพ ให้กับคนทั้งโลก โดยจะปรับเปลี่ยนการผลิตหน้าดิน มีกองทุนปรับหน้าดินมุ่งสู่ออแกนิคอินทรีย์ จะพักชำระหนี้ 3 ปีเพื่อให้เกษตรกรตั้งตัวได้ เพิ่มโอกาสในการแข่งขันและมีนโยบายผลักดันราคาสินค้าการเกษตร แบบแม่นยำ โดยเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่าย ในลักษณะตัน หรือเกวียนละ 5,000 บาท ไม่เกิน 15 เกวียน จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 75,000 บาทต่อราย และหากเป็นเกษตรกรรายเล็ก มีผลผลิตไม่เกิน 7 เกวียน จะได้เงินช่วยเหลือ 36,000 บาท เพื่อเตรียมการพัฒนาการผลิตให้สินค้ามีคุณภาพ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ขณะที่ภาพรวมยืนยันว่าจะผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้ขึ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ภายใน 6 เดือน
นอกจากนี้จะมีการอบรมพัฒนาภาคการผลิตและหาตลาดจากต่างประเทศมารองรับ ขณะเดียวกันจะส่งเสริมกองทุนหมู่บ้านและวิสาหกิจชุมชนให้รับซื้อข้าวมาแปรรูปและขายในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ข้าวคุณภาพดีมาบริโภค
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์อ้างว่า ให้เลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่ง หากต้องการให้คงนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยระบุว่า พรรคได้รับการร้องเรียน เรื่องในลักษณะดังกล่าวมาต่อเนื่อง และเกิดขึ้นในหลายจังหวัด ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่รับทราบการกระทำในลักษณะนี้ แต่เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐก็รับทราบเช่นกัน ว่ามีพฤติกรรม ของส.ส.จากพรรคการเมืองหนึ่ง นำนโยบายของรัฐบาลมาใช้หาเสียง
“บางพื้นที่ มีการเรียกให้ผลประโยชน์โควต้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 60,000 ใบ หากได้รับเลือกเป็นส.ส.จึงอยากฝากไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อมีคลิปเสียงที่ชัดเจนก็ควรที่จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นความหวังของประชาชนที่อยากเห็นโอกาสของประเทศเดินไปข้างหน้าดังนั้น ทุกฝ่ายจะต้องสร้างความเชื่อมั่น”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
และว่าส่วนตัวมองว่า ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐสามารถประชาสัมพันธ์ โครงการของรัฐบาลได้แต่ไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ หรือนำงบประมาณของรัฐมาใช้ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงผ่านโครงการของรัฐบาล ซึ่งกกต.ต้องไปตรวจสอบสำหรับกรณีที่บางพรรคการเมืองโจมตีว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะกลับไปสู่ความขัดแย้งและเป็นเผด็จการรัฐสภานั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย มีนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเคารพในหลักการประชาธิปไตยดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา และอยากตั้งข้อสังเกตถึงการหาเสียงของบางพรรคการเมืองว่า แม้จะบริหารประเทศมานาน แต่อาจไม่มีนโยบายที่จะ สร้างแรงจูงใจให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก จึงนำเรื่องของความขัดแย้งมาใช้ในการหาเสียงเปรียบเสมือนกับการปลุกผีความขัดแย้งซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องก้าวข้าม ทั้งนี้ตนมองว่าเมื่อ ทุกฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองมีความปรองดอง ควรที่จะแข่งขันในการนำเสนอนโยบาย
” บางพรรคอาจไม่มีนโยบายขายให้กับประชาชนทั้งที่บริหารประเทศมานาน จึงปลุกผีเรื่องความขัดแย้งโดยเฉพาะคนพูดเรื่องนี้ซึ่งเมื่อยิ่งพูดยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก พรรคเพื่อไทย เราไม่สนใจเราไม่เล่นเกมส์นี้ด้วย เรามุ่งเสนอแต่นโยบาย เพราะเราเห็นว่าควรที่จะยุติความขัดแย้งได้แล้ว ซึ่งคนที่พูดเรื่องนี้ปากก็บอกว่าอยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์แต่คำพูดกับการกระทำกลับตรงกันข้าม และตนอยากเชิญชวน พลเอกประยุทธ์มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ใน การดีเบตของ เวทีพรรคการเมือง เพราะในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องน่ายินดี และประชาชนจะได้ประโยชน์ จากการนำเสนอแนวคิดของผู้นำแต่ละพรรค”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว