“บิ๊กตู่” เปิดงานวันต้านคอร์รัปชั่นสากล ลั่น เข้ามาปฏิรูปไม่ได้มาโกง-ใครโกงจะเอาเข้าคุกเอง

(9 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล โดยรัฐบาลร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชนและประชาชน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สุจริตตามรอยพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้สังคมและทุกภาคส่วนไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการทุจริต รวมทั้งตระหนักถึงผลเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการทุจริต และมองว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

โดยภายในงานนั้น นายกรัฐมนตรีนำน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยยืนสงบนิ่งและปฏิญาณตนว่าจะดำรงชีวิตด้วยความสุจริต พร้อมอันเชิญพระราชดำรัสสุดท้ายของในหลวง รัชกาลที่ 9 ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศเจตนารมย์ต่อต้านคอร์รัปชั่นว่า ยินดีที่เปิดงานต่อต้านคอรรัปชั่น เป็นวันสำคัญของโลกและคนไทยด้วย ต้องการประกาศเจตนารมย์ร่วมกัน แต่จะต่อต้านอย่างไรเพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และปัญหานี้มาอย่างยาวนาน ในฐานะผู้นำประเทศต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศ และการคอร์รัปชั่นถือเป็นศัตรูร้ายของการพัฒนาประเทศ ทั้งเรื่องงบประมาณและการบริหารประเทศด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งกระทบทั้ง เศรษฐกิจ สังคม การเมืองทั้งหมด ไม่เฉพาะรายได้เท่านั้น การคอร์รัปชั่น ทำให้โครงการไม่ต่อเนื่อง และกระทบต่อประชาชนในที่สุด ทุกคนทราบดีว่าทำให้เสียหาย แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าคิดว่าการทำโครงการของรัฐบาลจะต้องทุจริต แต่ให้คิดว่าเมื่อเกิดการทุจริตต้องเอาเข้าสู่กระบวนการ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้คิดและทำเหมือนเดิมแต่คิดทั้งระบบ เอาปัญหาออกมาแก้ทั้งหมด จึงขอให้รัฐได้ทำงาน ไม่ใช่เริ่มทำแล้วกลับมาต่อต้านกล่าวหาว่าจะต้องมีการทุจริตแน่ แต่ขอให้ดูวิธีการที่รัฐบาลทำ อย่าเอาสิ่งเก่ามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะรัฐบาลเดินหน้าเพื่อปฏิรูปประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อมาคอร์รัปชั่นเอง หากมีการคอรรัปชั่นก็ขอให้มาบอกตน ตนจะตรวจสอบและดำเนินการนำคนผิดเข้าคุกให้ได้ และอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างชื่อตนหรือรองนายกรัฐมนตรีคนใดก็ตาม

ทั้งนี้ การทุจริตมักเกิดจากการสมยอมทั้งสองฝ่าย ดังนั้นข้าราชการ ประชาชน และท้องถิ่นจะต้องมีคุณธรรมและธรรมาภิบาลด้วย แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรคนที่ต้องรับผิดชอบคือรัฐบาลเพราะจะต้องลงนามอนุมัติ จะอ้างว่าทำหน้าที่บริหารเท่านั้นไม่ได้ ถือเป็นการทุจริตทั้งสิ้น อย่างโครงการรถไฟฟ้าที่ยังมีปัญหาช่วงส่วนต่อขยายเพียง 1 กิโลเมตร ที่ต้องใช้อำนาจของตนไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางเสร็จ และทุกอย่างที่เกิดในรัฐบาลนี้จะต้องไม่เกิดการทุจริต

จากนั้นจึงนำกล่าวปฏิญาณตนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น และระบุว่าเมื่อกล่าวคำปฏิญาณแล้วขอให้ทำตามสิ่งที่ได้กล่าวเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะขึ้นกล่าวบนเวทีได้สั่งให้ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นยืนและชูมือขึ้น เพราะเห็นว่าผู้เข้าร่วมงานมีอาการง่วงหลังจากฟังการบรรยายมากว่า 1 ชั่วโมง และก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะลงจากเวทีได้เชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมงานยืนขึ้นและออกกำลังกายแก้อาการง่วงอีกครั้ง

ขณะที่พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ตั้งแต่ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านทุจริตกับสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2003 พบว่าดัชนีการรับรู้การทุจริตระหว่างปี 2555-2558 ของไทยอยู่ในช่วงคะแนน 35-38 จากคะแนนเต็ม 100 เป็นลำดับที่ 3 จาก 168 ประเทศ ซึ่งสะท้อนปัญหาทุจริตที่รุนแรงต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริตระยะที่ 3 กำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” จะมุ่งสู่ประเทศที่มีมาตรฐานทางคุณธรรมและจริยธรรมที่ประชาชนจะไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต โดยการมีส่วนร่วมขิงทุกฝ่าย โดยตั้งเป้าให้มีดัชนีการรับรู้การทุจริตอยู่ที่ 50 คะแนน โดยแบ่งออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์