“จตุพร” ท้า “ประยุทธ์” ยุติบทบาท! หาก พปชร.ได้ไม่ถึง 126 เสียง

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยดร.วิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ศ.ดร.สุชาติ อุทัยวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค และดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรค และคณะผู้บริหารพรรค นำคณะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ จังหวัดนนทบุรี ทั้ง 6 เขต ซึ่งประกอบไปด้วย เขต 1 นายก้องเกียรติ์ จั่นเพิ้ง เบอร์ 4 เขต 2 นายอำนาจ เพ็ชรสว่าง เบอร์ 7 เขต 3 นายธำรงเกียรติ ส่องศิริ เบอร์ 8 เขต 4 นายสมบูรณ์ สนิท เบอร์ 14 เขต 5 นายปิยะภูมิ ศักดาพงศ์ เบอร์ 7 และ เขต 6 นายกิตติกร หรือ เสรี รุ่งสว่าง เบอร์ 8 ทั้งนี้ได้มีการปล่อยคาราวานรถหาเสียงจำนวน 10 คัน

นายจตุพรกล่าวว่าสำหรับวันนี้มาเพื่อขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรี ซึ่งปกติเป็นพี่น้องประชาชนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาอยู่แล้ว จึงขอให้พี่น้องประชาชน เลือกผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ ทั้ง 6 เขต ขณะที่เมื่อวานนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2562) เป็นการลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตวันสุดท้าย ซึ่งเมื่อวานวันเดียวมียอดประชาชนลงทะเบียนกว่า 5 แสนคน ถือเป็นสัญญาณว่าประชาชนต้องการการเลือกตั้ง ทั้งที่อนาคตมีความกังวลอยู่ แต่ประชาชนขอแหวกด่านเผด็จการด้วยการเลือกตั้ง และก็ไปตายเอาดาบหน้า

วันนี้ตนอยากเสนอเรื่องราวไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.หลังจากขบวนการแม่น้ำ 5 สาย ได้ออกแบบรัฐธรรมนูญ ให้พลเอกประยุทธ์สามารถแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน เพื่อมาเลือกตัวพลเอกประยุทธ์เอง ขณะที่ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ซึ่งต้องการเสียงจากประชาชนเพียง 126 เสียง หมายความว่า 1 ใน 4 บวก 1

ดังนั้นขอท้าพลเอกประยุทธ์ว่า แม้ได้เปรียบทุกทางถ้า พปชร. ได้ไม่ถึง 126 ที่นั้งพลเอกประยุทธ์ต้องประกาศอย่างลูกผู้ชายว่า ขอถอนตัวออกจากแคนดิเดตนัฐมนตรี และจบบทบาททุกอย่าง และสื่บสารไปยัง ส.ว. 250 ให้ทำตามเจตนารมณ์ ส.ส. ด้วย ซึ่งเวลานี้พรรคการเมืองในระบบบัตรใบเดียว ไปถึงครึ่งเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

หากพลเอกประยุทธ์รับคำท้าประชาชนจะตอบโจทย์ ได้ถูก ถ้าประชาชนต้องการพลเอกประยุทธ์ เป็นายกรัฐมนตรี ต่อ ไม่ต้องได้ 250 จาก ส.ส. แต่แค่การันตีว่า พปชร. ได้ ส.ส. 126 ที่นั่งตามเป้านั้น เพราะฉะนั้นถ้าได้ถึง 126 ที่นั่งแต่ตนเชื่อว่าไม่ถึงแน่ ถ้าไม่ได้ตัวเลขนี้ พลเอกประยุทธ์ต้องพอได้แล้ว ที่ผ่านมามากแล้ว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า เมื่อพลเอกประยุทธ์ถามว่าทำไมทุกพรรคต้องวิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์ ตนขอถามว่า ถ้าไม่วิจารณ์นายกรัฐมนตรี จะไปวิจารณ์ใด ถ้าไม่ชอบก็ลาออกไปอยู่บ้าน การมานั่งนายกรัฐมนตรีฟรีๆ มา 5 ปีแล้ว ต้องทนวิจารณ์ได้บ้าง อีกทั้งเมื่อเข้าสู่สภาฯตามความประสงค์จริงๆ จะต้องถูกวิจารณ์หนักกว่าหลายเท่า ที่ผ่านมาเอาเปรียบมาแล้ว ขอย้ำว่าถ้า พปชร. ไม่ได้คะแนนถึง 126 พลเอกประยุทธ์ต้องยุติบทบาท

“ประยุทธ์-อภิรัชต์” รู้ประวัติศาสตร์เลือดเพลง “หนักแผ่นดิน”

ส่วนการที่ พลเอกประยุทธ์ ปกป้อง ผบ.ทบ.เรื่องเพลงหนักแผ่นดิน นายจตุพร กล่าวว่า การสนับสนุนเรื่องบทเพลงหนักแผ่นดินนั้น แสดงว่าเป็นคนรู้ประวัติศาสตร์ ว่าเพลงนี้เอาไว้ปลุกปั่นให้คนฆ่ากัน วันนี้การเอาเพลงหนักแผ่นดินมาเปิดนั้นต้องการให้คนไทยฆ่ากันอีกหรือ ดังนั้นตนไม่เชื่อแน่นนอนว่าทั้งพลเอกประยุทธ์ และ ผบ.ทบ.ไม่รู้ประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นตนยังยืนยันว่าเพลงที่เหมาะที่สุดในเวลานี้คือเพลงคืนความสุข ที่พลเอกประยุทธ์แต่ง

ในขณะที่ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาบอกให้นักการเมืองหาเสียงอย่าสาดคนใส่กัน นายจตุพรกล่าวว่า การวิจารณ์นั้น เมื่อพลเอกประยุทธ์ต้องการเป็นแชมป์ต่อ ดังนั้นพรรคการเมืองก็ต้องเสนอว่า 4 ปีต่อไปนี้จะทำดีกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์อย่างไรจึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ งบกองทัพ 5 ปี กับงบล้านล้าน ที่ไม่สอดคล้องกับความยากจนของประชาชน ซึ่งมีความยากลำบาก พรรคก็ต้อเสนอแนวทาง หนึ่งในนั้นก็เสนอลดงดกองทัพ เพราะประเทศไม่มีศึกสงคราม มีแต่ความยากจน เดือดร้อนเหลื่อมล้ำ จึงจำเป็นต้องมีเงินเอาไปแก้ไขสาธารณสุข การศึกษา และความยากจนของประชาชน

ส่วนกรณีหลายฝ่ายยื่นเรื่องขอให้ยุบพรรค พปชร. นั้นตนเคยบอกแล้วว่า รัฐธรรมนูญ ออกแบบลักลั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้ว หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ใน พปชร. ไม่สามารถลง ส.ส ได้แม้แต่คนเดียว จึงสอดคล้องกับพลเอกประยุทธ์ ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐและหัวหน้าคสช. ซึ่งให้คุณให้โทษอย่างครบถ้วนและมีสถานะตามกฎหมาย

ซึ่งวันนี้พลเอกประยุทธ์อยู่ในสองสถานะเพราะฉะนั้นผิดกฎหมาย แต่ตนจะไม่บอกว่าพลเอกประยุทธ์ผิดกฎหมายชัดเจนแล้ว แต่กกต.ต่อมีหน้าที่ ทำหน้าที่เป็นไปรษณีย์ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยด้วยความรวดเร็ว ว่าพลเอกประยุทธ์ขัดรัฐธรรมนูญที่จะเข้าไปอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของ พปชร.หรือไม่ทุกอย่างก็จะจบ

ร้องยุบพรรคข้อเท็จจริงชัด ถ้า “ทษช.” โดน “พปชร.” ต้องโดนด้วย

ต่อมากรณี ไทยรักษาชาติ หรือ ทษช กับ พปชร. ที่มีการยื่นเรื่องต่างนั้น นายจตุพรกล่าว หากเปรียบจากข้อกฎหมาย ที่ปรากฎอยู่ไม่จำเป็นต้องสืบพยานทั้งสิ้น ข้อเท็จจริง พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็วินิจฉัยได้เลยว่าอยู่ พปชร. ได้หรือไม่ ดังนั้นเมื่อความยุติธรรมไม่เท่ากันจึง อยากให้ปฏิบัติต่อ ทษช. อย่างไรก็ปฏิบัติ พปชร. อย่างนั้น ด้วย

ทั้งนี้ในช่วงบ่ายนายจตุพรและผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดนนทบุรี เขต 3 และเขต 5 ขึ้นรถแห่วนในเขต 3 และ เขต 5 บางบัวทองก่อนขึ้นรถแห่วนในเขต 6 เป็นการสิ้นสุดการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคเพื่อชาติจังหวัดนนทบุรี