จาตุรนต์ ปลุก ทษช.หาเสียงต่อ ตอก ‘บิ๊กแดง’ วางตัวไม่เป็นกลาง เต้น แซะปมตัดงบ กห.

‘จาตุรนต์’ แถลงเดินหน้าช่วยผู้สมัครหาเสียง ห้ามเด็ดขาด ผู้สมัครพูดเรื่องคดียุบพรรค ชี้ ให้เป็นหน้าที่ กก.บห.ต่อสู้ในชั้นศาล อัด ‘บิ๊กแดง’ วางตัวไม่เป็นกลาง ไล่ย้อนดูเหตุการณ์ปี 2519 ปมปลุกเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ พร้อมจี้ให้ปรับปรุงตัวใหม่ ด้าน ‘ณัฐวุฒิ’ บอก ผบ.ทบ.มีหนึ่งเสียงในฐานะประชาชน รักใครก็ลงคะแนนให้คนนั้น แซะ งบกลาโหมเพิ่มเรื่อยๆ ชาวบ้านฝากถาม ไม่มีโปรโมชั่นลด 10% บ้างหรือ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่พรรคไทยรักษาชาติ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พร้อมด้วยผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ อาทิ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค, นายนิคม ไวยรัชพานิช, นายสุธรรม แสงประทุม, นพ.เหวง โตจิราการ, นายวิภูมิแถลง พัฒนภูมิไทย ร่วมแถลงข่าวเดินหน้าทำกิจกรรมการเมือง หาเสียงเลือกตั้ง แต่จะไม่ขอพูดถึงกระบวนการต่อสู้คดียุบพรรค

นายจาตุรนต์กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ เราได้ชี้แจงเพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อน จึงงดการปราศรัยไว้ก่อน เพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคได้มีเวลาไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุด กรรมการบริหารพรรคได้หารือมาทางคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง โดยได้ฟังเสียงสะท้อนจากผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตต่างๆ ที่ยังคงหาเสียงเป็นปกติ ยังได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี และอยากให้แกนนำพรรคไปช่วยหาเสียง เราจึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ทั้งคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แกนนำพรรค จะกลับมาทำหน้าที่ปกติ ไปช่วยผู้สมัครหาเสียง ส่วนการปราศรัยเปิดเวทีขนาดกลางหรือขนาดใหญ่จะขอดูสถานการณ์สั้นๆ อีกระยะ ถ้าไม่มีเหตุแทรกซ้อนหรือที่อาจจะเป็นปัญหา การปราศรัยใหญ่จะเกิดตามปกติอย่างที่เคยทำ โดยในการไปปราศรัยหาเสียงนั้น จะไม่มีคณะกรรมการบริหารพรรคเดินทางไปด้วย เนื่องจากอยากให้มีสมาธิในการต่อสู้คดียุบพรรค ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ

“การพบปะประชาชน การช่วยผู้สมัครหาเสียง หรือแม้แต่การปราศรัยของทีมรณรงค์หาเสียง จะไม่มีการพูดถึงกรณี กกต.ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เราจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ จะมุ่งมั่นในการหาเสียงเลือกตั้งตามที่พรรคเสนอไว้ คือทำให้ประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย หยุดการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะผลักดันให้ฝ่ายประชาธิปไตยตั้งรัฐบาล เพื่อไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แนวการหาเสียงจะกลับมายังจุดนี้ จะดำเนินการต่อไปอย่างแข็งขัน เต็มความสามารถ โดยกิจกรรมของพรรคในการช่วยผู้สมัครหาเสียงจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ในวันมาฆบูชา และในวันต่อๆ ไป” นายจาตุรนต์กล่าว

เมื่อถามว่าถ้ามีคนในพรรคพูดเรื่องคดีในการหาเสียง จะถึงขั้นลงโทษหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า จะถึงขั้นลงโทษหรือไม่ คงเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เราจะกำชับไม่ให้มี ถ้าทราบ จะติดต่อให้หยุดทันที

เมื่อถามว่าหากศาลยุบพรรคจริงๆ ทางพรรคมีแผนสำรองหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า การดำเนินงานทางการเมืองต้องคิดล่วงหน้า ต้องนึกภาพวันข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะทำอย่างไร แต่คำถามนี้ขอไม่ชี้แจง ไม่ตอบ เพราะหากตอบคำถามอาจเป็นการไปสร้างแรงกดดันได้ ขณะนี้มีเพียงการเตรียมความพร้อมในการหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น จะไม่มีการพูดถึงประเด็นการยุบพรรค

นายจาตุรนต์กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย หลังจากมีผู้เสนอให้ปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม จนถึงขั้นตอบกลับอย่างรุนแรงให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” ว่า จริงๆ แล้ว ผบ.ทบ.พูดอย่างนี้ไม่ได้เลย เท่ากับแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ถือว่าผิดกฎหมาย ผิดระเบียบข้าราชการ โดยข้าราชการจะแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมืองไม่ได้ มาพูดให้ร้าย พูดไม่ดีต่อพรรคการเมืองที่เสนอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม แต่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจในระบอบกติกาในการเลือกตั้ง การเสนอความคิดเห็นดังกล่าว หน่วยราชการนั้นๆ ไม่ควรแสดงท่าทีต่อต้าน และ ผบ.ทบ.ควรประพฤติตนเสียใหม่

“ผมอยู่ในเหตุการณ์ตอนปี 2519 ไม่รู้ว่าตอนนั้น ผบ.ทบ.เข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรือยัง เพลงนี้เป็นเพลงปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากัน ผมฟังหลายเดือนในปี 2519 สุดท้ายจบลงที่รัฐประหาร เกิดการสังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เป็นเหตุการณ์สร้างความเจ็บปวดให้กับสังคมไทย การหยิบเพลงนี้ขึ้นมาทำให้เกิดความแตกแยก อาจจะทำให้คนเข่นฆ่ากัน ผบ.ทบ.ควรปกป้องประเทศ ไม่ใช่สั่งให้คนไปเปิดเพลง จะทำให้คนไทยฆ่ากันเองหรืออย่างไร จากกรณีนี้มีคนถามว่า แล้วนักการเมืองจะกลัวจะหงอหรือไม่ เมื่อพูดไม่ถูกต้อง เราก็ต้องกล้าที่จะพูดว่า ผบ.ทบ.พูดอย่างนี้ไม่ได้ ควรไปปรับปรุงตัวเสียใหม่” นายจาตุรนต์กล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณี กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรค ทษช.นั้น พรรคยืนยันว่าจะดำเนินการต่อสู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น หากมีการเคลื่อนไหวกรณีนี้นอกศาล ถือว่าไม่ได้เป็นการดำเนินการในนามพรรค หากใครเคลื่อนไหวถือเป็นความรับผิดชอบของคนนั้นๆ ในการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทีมรณรงค์หาเสียง 7 ชุด จะขับเคลื่อนตามปกติ ส่วนเวทีปราศรัยใหญ่ แทบทุกพรรคได้เปิดเวที แต่กรณีของพรรค ทษช.ขอพิจารณาสถานการณ์ ความพร้อมสักระยะ ถ้าเห็นว่าทุกอย่างเดินหน้าได้ จะประกาศในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ขอเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายให้สร้างบรรยากาศการเลือกตั้งให้เกิดความหวัง ความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่ากำลังจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตย

 

นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงกรณี ผบ.ทบ.ที่แสดงความเห็นออกมาจนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในฐานะที่ท่านเป็นประชาชน จะสนับสนุนใครหรือรักคนใดคนหนึ่งเป็นสิทธิโดยชอบธรรมในวันลงคะแนน ท่านจะเป็นหนึ่งคะแนนเสียงเท่ากับผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน แต่ในฐานะ ผบ.ทบ.ขอให้รักษาความเป็นกลาง ความสง่างาม ความน่าเชื่อถือของกองทัพบกไว้ให้มั่นคง การที่แสดงออกอย่างหนึ่งอย่างใดให้คนเข้าใจว่าเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนว่าที่นายกฯ หรือผู้สมัครจากบางพรรคการเมืองนั้น อาจทำให้คนสับสน เป็นการส่งสัญญาณไปยังกำลังพลหรือไม่ คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ และตนเห็นด้วยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่า ในปี 2562 จะมีเรื่องดีงามเกิดขึ้น 3 เรื่องคือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก การกำหนดวันเลือกตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ประธานอาเซียน โดยทั้ง 3 เรื่องนี้ไม่ควรเกิดในบรรยากาศบ้านเมืองที่คนยังพูดถึงการรัฐประหาร หรือการเลือกตั้งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะทุกพรรคต่างแสดงความพร้อมต่อการเลือกตั้ง ขอให้ ผบ.ทบ.แสดงความพร้อมเรื่องนี้ด้วย เราไม่ได้เป็นปฏิปักษ์หรือหวังเผชิญหน้ากับท่าน แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เรื่องพวกนี้มีสิทธิจะฝากถึงกันได้

“ใครจะหนักแผ่นดินหรือไม่ พูดกันไปกันมาไม่จบ การตัดสินใจของประชาชนวันที่ 24 มีนาคม น่าจะตอบอะไรได้บ้าง การเลือกตั้งไม่ได้ชี้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จ แต่ต้องทำให้บ้านเมืองเดินไปสู่ประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นชัยชนะของทุกฝ่าย หลายปีที่ผ่านมา งบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ชาวบ้านเลยถามว่า งบเพิ่มขนาดนี้ไม่มีช่วงโปรโมชั่นลด 10 เปอร์เซ็นต์บ้างหรือ พอมีคนพูดขึ้นมาท่านก็โมโหโกรธา” นายณัฐวุฒิกล่าว

มติชนออนไลน์