“หญิงหน่อย” ยันลดงบกองทัพ 10% ไม่กระทบชีวิต-สวัสดิการชั้นผู้น้อย ห่วงวิธีคิด ผบ.ทบ.มากกว่า

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยกล่าวถึง แนวทางการยกเลิกเกณฑ์ทหารและปรับลดงบประมาณกองทัพลงร้อยละ 10 โดยระบุว่า

คณะทำงานด้าน เศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้ศึกษา และทำความเข้าใจเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่แต่ละปี ได้ขออนุมัติงบเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2561 และ ปี2562 ได้รับงบประมาณกว่าสองแสนสองหมื่นล้าน แต่พรรคเพื่อไทยขอปรับลดงบประมาณ เพียงร้อยละ 10 หรือประมาณ 20,000 ล้าน ซึ่งไม่กระทบ กับสวัสดิการและชีวิตข้าราชการทหาร จึงอยากให้ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคเพื่อไทย คิดและฟังอย่างมีเหตุผล พร้อมย้ำว่างบประมาณส่วนดังกล่าว จะช่วยสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กและคนรุ่นใหม่ ได้มีช่องทางทำมาหากิน โดยเฉพาะในปัจจุบันซึ่งตำแหน่งงานลดลงคนตกงานมากขึ้น

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ประเทศในขณะนี้ ไม่มีภัยด้านความมั่นคง จึงไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หรือมีกำลังพลมากเกินไป พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร และให้เกียรติทหารอาชีพทุกคน ที่ทำหน้าที่เป็นรั้วปกป้องประเทศชาติ

“ไม่ใช่เพียงพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวที่ต้องการปฏิรูปกองทัพและยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่หากไปดูนโยบายของพรรคการเมืองอื่น ที่ใช้ในการหาเสียงจะพบว่า ทุกพรรคมีความต้องการคล้ายกัน จึงอยากให้บุคคลที่ออกมาตำหนิ กลับไปเปิดดูนโยบายของพรรคการเมืองเหล่านั้น” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กแฟนเพจ แสดงความคิดเห็นต่อท่าทีเชิงลบในนโยบายพรรคของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกว่า รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ. ที่ถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ ทีมีท่าทีอ่อนน้อมอย่างยิ่งกับคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดทนายกในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่มีที่มาจากการรัฐประหาร แต่แข็งกร้าวกับคนที่เสนอตัวมาเป็นตัวแทนประชาชนตามครรลองประชาธิปไตยแบบไร้เส้น ทั้งที่โดยสถานะผบ.ทบ. ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ถ้าจะต้องให้บอกว่า จะเพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมจากแสนกว่าล้านบาทเป็นสองแสนกว่าล้านบาท แบบที่รัฐบาลนี้ทำ จึงจะเป็นคนไม่หนักแผ่นดินในสายตา​ ผบ.ทบ.

ดิฉันจะขอยืนยันในความถูกต้อง ที่ได้เสนอขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กับปัญหาปากท้อง และในเวลานี้ยังไม่ปรากฏภัยคุกคามทางความมั่นคงของประเทศ ถึงขั้นจะต้องใช้กำลังคนและ อาวุธยุทโธปกรณ์มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ดิฉันขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่ง เผื่อผู้มีอำนาจจะฟังบ้าง เราเสนอให้ลดงบประมาณลงเพียง 10%ในส่วนที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้ออย่างมากมายในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อย่างทุกวันนี้

เราชวนกลาโหมให้มาช่วยกันสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้กับคนรุ่นใหม่ และประชาชนคนตัวเล็กๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและตำแหน่งงานน้อยลง งานหายากขึ้น และคนจะตกงานมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากภาวะเศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบต่ออาชีพต่างๆ
ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยและเด็กรุ่นใหม่ของเรา

งบประมาณที่ขอแบ่งมา 10% นี้เป็นจำนวน เพียง 20,000 ล้านบาท จากงบประมาณกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด กว่า 200,000 ล้านบาท จะเอามาช่วยคนรุ่นใหม่ให้มีอาชีพ ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเด็กรุ่นใหม่ และประชาชนได้ มากกว่า30,000 คนต่อปีซึ่งเป็นการให้โอกาสคนรุ่นใหมได้มาเป็นกำลังในการผลิตและสร้างรายได้ให้กับประเทศ

ทหารและงบประมาณทหารมีความจำเป็น แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและใช้ให้มีประสิทธิภาพต่อการพัฒนากำลังพลและศักยภาพของกองทัพ

การเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้ใช้ระบบสมัครใจเข้ารับราชการ จะ เป็นการพัฒนาบุคลากรที่เข้ารับราชการทหารเพราะได้เข้ามาด้วยความเต็มใจก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะใช้งบประมาณน้อยกว่า

เรายืนยันว่างบประมาณส่วนที่ขอแบ่งมาจากงบซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพียง 10% นี้จะไม่กระทบต่อการดูแลรายได้ และสวัสดิการของกำลังพล ตรงกันข้ามเรากลับมองว่า เราควรจะสนับสนุนในการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สมกับความเสียสละของเขาที่ถือเป็นเหล่าทหารกล้า

โดยส่วนตัวดิฉันชื่นชมทหารที่เป็นทหารอาชีพเพราะเขาเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และสนับสนุนให้ทหารอาชีพเหล่านี้ได้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

แต่ดิฉันไม่ชื่นชมทหารที่มาทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน