“อนาคตใหม่” ย้ำทุนผูกขาด ทำไทยไร้เศรษฐีหน้าใหม่ จีดีพีโตเพียงบรรษัทใหญ่

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครรินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เข้าร่วมโครงการสัมมนาทางรัฐประศาสนศาสตร์ หัวข้อ “นโยบายของพรรคการเมืองกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน” จัดโดย สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดย กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมองเรื่องเศรษฐกิจกำลังเติบโตโดยวัดจากจีดีพีที่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 แต่เมื่อมาดูเงินในกระเป๋าของคนทั่วไปกลับมีน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้น หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่ทำไมจีดีพีในประเทศสูงขึ้นก็ต้องมาดูการเติบโต้ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สูงขึ้นเกือบร้อยละ 10 สิ่งนี้กำลังบอกสังคมไทยว่า ปัญหาหลักคือโครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่เปิดโอกาสให้คนระดับล่าง ส่วนกลุ่มบริษัททุนผูกขาดกลับมีกำไรมากขึ้น นั่นก็เพราะสังคมไทยมีการผูกขาดทรัพยากร ประเทศไทยไว้ให้คนกลุ่มเดียว สังคมไทยจึงไม่มีคนธรรมดาสามารถรวยเป็นมหาเศรษฐีได้เลย ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะสร้างคนแบบแจ๊ค หม่าหรือมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จากเคนธรรมดาแต่สามารถรวยระดับหมื่นล้านได้ ระบบเศรษฐกิจของไทยออกแบบไว้เพื่อให้คนรวยยิ่งรวยขึ้น ส่วนคนจนหรือคนธรรมดากลับไม่มีโอกาสเติบโตได้เลย ทำได้เพียงเป็นลูกจ้างในบริษัทของนายทุนผูกขาดไปเรื่อย ๆ

“ตอนนี้มีการเปิดเออีซี หลายจังหวัดก็จะมีโอกาสในการสร้างงานมากขึ้น ดังนั้น เทคโนโลยีกำลังเข้ามาในชีวิต มาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต พรรคอนาคตใหม่เสนอการปฎิรูปการศึกษา จัดคอร์สอบรมเสริมสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของตลาด หลายอาชีพมีเอไอหรือหุ่นยนต์ทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้แล้ว เช่น หุ่นยนต์หมอที่สามารถอ่านแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ได้ตลอดกาล มีหุ่นยนต์ผู้ช่วยด้านกฎหมายที่อ่านข้อกฎหมายและข้อมูลแล้วประมวลผลได้รวดเร็วกว่าสมองมนุษย์ พรรคอนาคตใหม่จึงเสนอการเรียนเรื่องเทคโนโลยีเพื่อการสร้างรายได้ แต่แน่นอนว่า หลายคนอาจไม่ถนัดการทำเทคโนโลยีแล้วก็มีหลายอาชีพที่ไม่สามารถแทนได้ด้วยหุ่นยนต์สมองกลเช่น อาชีพครีเอทีฟ อาชีพด้านการบริการ อาชีพด้านศิลปิน เหล่านี้พรรคอนาคตใหม่ก็ทำนโยบายเสริมสร้างทักษะนี้แก่นักศึกษาที่ไม่ถนัดด้านเทคโนโลยี”

ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่กล่าว กล่าวต่ออีกว่า พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายชัดเจนในการสร้างความเจริญให้กับต่างจังหวัด รื้อโครงสร้างของรัฐด้วยการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ให้งบลงทุนโดยตรงในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้อำนาจในการจัดระบบขนส่งสาธารณะและระบบคมนาคมที่ทันสมัยเช่น รถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วท้ายที่สุดเมื่อกระจายอำนาจไปยังพื้นที่อื่นก็จะเกิดโอกาส เกิดการสร้างงาน คนที่มีบ้านเกิดในต่างจังหวัดก็ไม่จำเป็นต้องอพยพออกจากบ้านเกิดมาหารายได้ในหัวเมืองใหญ่อีกต่อไป