ปรับปฏิทินรับสมัครม.1-ม.4 พร้อมปรับเกณฑ์ รับนักเรียนด้วยเงื่อนไขพิเศษ

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กพฐ. ว่า ที่ประชุมมีมติแก้ไขประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2562 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัด สพฐ.ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ

โดยที่ประชุมมีมติให้รับปรุงประกาศ สพฐ. ดังนี้ ปรับปฏิทินการรับสมัครรับนักเรียนชั้น ม.1 และม.4 ปีการศึกษา 2562 ซึ่งเดิมกำหนดรับสมัครระหว่างวันที่ 23-27 มี.ค. เป็นระยะเวลา 5 วัน แต่เนื่องจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันที่ 24 มี.ค. เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ดังนั้น จึงเลื่อนวันรับสมัครเป็นวันที่ 22-27 มี.ค. โดยให้งดการรับสมัครในวันที่ 24 มี.ค. เพื่อให้ผู้ปกครองไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ยังคงระยะเวลาการรับสมัครเท่าเดิมคือ 5 วัน

นายเอกชัย กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีมติแก้คำนิยาม คุณสมบัติและหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้มีความชัดเจนและเข้มงวดขึ้น โดยนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ หมายถึง นักเรียนที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน ที่อยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนอย่างน้อย 2 ปีนับถึงวันที่ 16 พ.ค. และต้องอาศัยอยู่จริงกับบิดามารดา หรือผู้ปกครองที่เป็นเจ้าบ้าน โดยให้เจ้าบ้าน หรือ เจ้าของบ้าน รับรองการอาศัยอยู่จริง

ทั้งนี้ผู้ปกครอง หมายถึง บิดามารดา หรือ ผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำ โดยเด็กต้องอาศัยอยู่ที่บ้านนั้นจริง ซึ่งในการรับสมัครนักเรียน จะมีใบสมัครของผู้ปกครองให้รับรองว่า “เด็กพำนักอยู่ในบ้านนั้นจริง หากมีการตรวจสอบพบภายหลังว่าไม่ได้พักอาศัยอยู่จริง ยินดีรับโทษให้เด็กออกจากโรงเรียนนั้นได้โดยไม่ฟ้องร้อง” นอกจากจะให้นักเรียนออกจากโรงเรียนแล้ว ยังมีความผิดทางกฎหมายแพ่งและอาญาฐานให้ข้อมูลเท็จอีกด้วย

“การรับนักเรียนชั้นม.1 จะรับในเขตพื้นที่บริการ 60 % และรับนักเรียนทั่วไปด้วยวิธีการสอบคัดเลือก 40 % ซึ่งในการประกาศรายชื่อ ให้สถานศึกษาประกาศรายชื่อตามลำดับคะแนนให้กับนักเรียนทุกคนที่มาสมัครเข้าสอบคัดเลือก แต่ไม่ต้องประกาศผลคะแนน เนื่องจากการประกาศผลคะแนนจะเป็นการละเมิดสิทธิ หากผู้ปกครองอยากรู้คะแนนของเด็กให้ไปขอดูที่สถานศึกษา

ทั้งนี้การประกาศรายชื่อโดยเรียงลำดับคะแนน จะทำให้ถ้ามีเด็กสละสิทธิ เด็กในลำดับถัดไปก็ได้เลื่อนมาแทน และไม่สามารถนำเด็กที่ได้คะแนนน้อย หรือไม่ได้มาสมัครสอบเข้ามาสวมสิทธิแทนได้ ส่วนการรับนักเรียนชั้นม.3 เข้าเรียนต่อชั้นม.4 ในโรงเรียนเดิม ให้สถานศึกษารับเด็กม.3 ทุกคนที่ประสงค์จะเรียนในโรงเรียนเดิม หากมีที่เหลือสามารถเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกเด็กทั่วไปได้ ต่างจากหลักเกณฑ์เดิมกำหนดให้โรงเรียนรับเด็กทั่วไป 20 % ของแผนการรับนักเรียนชั้นม.4 ซึ่งจะทำให้นักเรียนม.3 ส่วนหนึ่งต้องหลุดออกจากโรงเรียนเดิม” นายเอกชัย กล่าว

ประธานกพฐ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับนักเรียน กรณีนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งเดิมการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษมี 7 ข้อ จะลดเหลือ 4 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน เนื่องจากเป็นข้อผูกพันเดิมของโรงเรียน 2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ หรือผู้ประสบภัยพิบัติ ที่ต้องการได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ4.นักเรียนที่เป็นบุตรราชการครู และบุคลากรของโรงเรียน

ส่วนที่ตัดออก 3 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ 3.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสพฐ.จะประกาศหลักเกณฑ์การรับนักเรียนใหม่ ให้สถานศึกษาถือปฏิบัติภายในสัปดาห์หน้า และสำหรับการระดมทรัพยากรนั้น ทางโรงเรียนสามารถทำได้หลังจากสิ้นสุดการรับนักเรียนเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว