วันที่ 8 กุมภาพันธ์ บรรยากาศการสมัครรับเลือกตั้ง สส.ตรัง เป็นไปอย่างคึกคักมีผู้สมัครเดินทางมาสมัคร จำนวน 8 พรรค ประกอบด้วย นายประทีป โจ้งทอง พรรคผึ้งหลวง ,นายสุรเชษฐ์ ปานยัง พรรคประชาไทย, เขต 2 นายอำนวยปราบปราม พรรคพลังประชาธิปไตย , นายจิณตณัฐ สุวรรณหมัด , พรรคพลเมืองไทย นายสันติ รักเพ็ชร, พรรคทางเลือกใหม่, นายอำนาจ วงค์ดารากุล พรรคความหวังใหม่ , นายเดโช บุญกราน พรรคประชาไทย, เขต 3 นางลัญฉกร ชะนะพาล พรรคพลังสังคม, นายหยา เต้งชู พรรคพลังประชาธิปไตย, และ นางสาวขนิษฐา ภักดีภัทรพงศ์ พรรคพลังไทสร้างชาติ

นายรัตน์ ภู่กลาง ผู้สมัคร สส.ตรัง พรรคไทยรักษาชาติ เบอร์12 กล่าวว่า ทราบข่าวว่าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ มหิดล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยรักษาชาติ รู้สึกดีใจมาก ผู้สมัคร สส.พรรคไทยรักษาชาติทุกคนปลื้มและดีใจทุกคน และยินดีต้อนรับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ มหิดล หลังจากนี้ทางการเมืองมีแต่ความสงบเรียบร้อยบ้านเมืองจะได้รุดหน้าต่อไปในด้านเศรษฐกิจความสง คิดว่าคงจะก้าวหน้าไล่สิงค์โปรไปติดๆ คิดว่าพรรคการเมืองบางพรรคจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เนื่องจากว่าตัวเองเสียเครดิตไปนิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเพื่อความสุขบ้านเมือง เรื่องสีเรื่องขั้วก็ต้องสลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้พรรคยังไม่ได้สั่งการมาแต่อย่างใดเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่มาก และปลาบปลื้มรู้สึกดีใจมาก คิดว่าเป็นประโยชน์และดีมาก ไม่ว่าจะเรื่องทั้งเศรษฐกิจ จิตใจของประชาชนทั้งชาติปลื้มหมด ในส่วนการขัดแย้งคิดว่าคงหายตอนนี้ทุกคนก็ตั้งใจแล้วว่าไปทางเดียวกันเพื่อชาติ

นายประทีป โจ้งทอง ผู้สมัคร สส.ตรัง เขต 1 พรรคผึ้งหลวง เบอร์ 32 กล่าวว่า วันนี้ตนผู้สมัครพรรคผึ้งหลวงถือฤกษ์วันสุดท้ายมาสมัครรับเลือกตั้ง สส.ตรัง เขต 1 โดยมีความหวังว่าจะได้เบอร์ 32 พรรคผึ้งหลวงเพิ่งตั้งพรรคใหม่ ชื่อเดิมพรรคผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เปลี่ยนมาเป็นพรรคผึ้งหลวงเนิ่องจาก นายก้องภาพ วังสุนทร หัวหน้าพรรคชำนาญด้านเศรษฐกิจฐานราก จะเข้ามาผลักดันด้านเศรษฐกิจฐานราก ด้านเกษตร พัฒนาการท่องเที่ยวฐานรากเริ่มตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยว บุคลากรเพื่อให้มีการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อให้การท่องเที่ยวยั่งยืน

นายประทีป กล่าวอีกว่า กรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ เสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นนิมิตรหมายที่ดีของเมืองไทย ตนคิดว่าความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้น เป็นภาพที่ประชาชนคนไทยอยากจะเห็นมานานแล้วตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ประชาชนตั้งความหวังว่าต่อไปนี้ทุกพรรคการเมืองจะได้ทำงานร่วมกันเพื่อนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านในเรื่องของความขัดแย้ง

“จากนี้ไปผมคิดว่าภาคการเมืองคนจะนิ่ง เพราะต้องมาคิดแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน เศรษฐกิจทรุดไม่ว่าจะเป็นการเกษตร ท่องเที่ยว ประมง ภาคการเมืองที่เข้าไปจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปในทิศทางที่ดี ความขัดแย้งต้องลดลง ความเห็นของผมเมื่อมาในขณะเช่นนี้ ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนกลาง อาจจะเป็นองคมนตรีท่านใดท่านหนึ่งเพราะว่าถ้าเป็นนายกรัฐฒนตรีที่มาจากเลือกตั้งที่ไม่ใช่คนกลาง ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลแห่งชาติจะดีทีสุด” นายประทีป กล่าว

#ไทยรักษาชาติ

มติชนออนไลน์