นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.07% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยมีปัจจัยกระตุ้นมาจากการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น รวมถึงความคืบหน้าของการเจราจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ประกอบกับเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง ความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ ทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากอาจฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มของนักลงทุนต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 150% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงมากขึ้นจากในช่วงเดือนมกราคม ที่อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว โดยมีปัจจัยกระตุ้นมาจากการที่ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ทำให้คาดว่าทิศทางค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสที่กระแสเงินลงทุนจะไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่เพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจลงทุนมากที่สุด อยู่ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดธนาคาร และหมวดพาณิชย์ ขณะที่มองว่าหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดเหล็ก และหมวดแฟชั่น ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยถึงดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) ว่า กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เริ่มมีสัญญาณของการไหลออกจากตลาดตราสารหนี้หลังมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยความเสี่ยงที่กดดันตลาดทุนทั่วโลกในปีที่ 2561 เริ่มคลายตัวลง โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบว่า เม็ดเงินทุนจากต่างประเทศได้ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไปแล้วกว่า 12,965 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการถือครองของนักลงทุนต่างชาติในตราสารหนี้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 975,086 ล้านบาท จากเดือนธันวาคม 2561 มีสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 988,950 ล้านบาท

มติชนออนไลน์