ประกาศแล้ว พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 มีรายละเอียดดังนี้

พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562”

มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป

มาตรา 4 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

มท.1 แจงพิธีพลีกรรม เริ่ม 6 เม.ย. ตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ 108 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 22 มกราคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเฉพาะการเตรียมพิธีตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ว่า กำหนดการเบื้องต้นในวันที่ 6 เมษายนนี้ จะเป็นพิธีพลีกรรมตักน้ำจากทั่วประเทศ จากนั้นในวันที่ 8 เมษายนนี้ จะมีพิธีเสกน้ำในวัดในพื้นที่ต่างๆ และจะนำน้ำมาเข้าพิธีอภิเษกในวันที่ 18 เมษายน ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวันที่ 19 เมษายน จะเป็นพิธีอัญเชิญน้ำที่ผ่านการประกอบพิธีไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ส่วนฤกษ์ของวันและเวลาที่ตักน้ำ จะพร้อมกันทั่วประเทศ ในแหล่งน้ำทั่วประเทศ 107 แห่ง แบ่งเป็น 1 แหล่งน้ำ 60 จังหวัด 2 แหล่งน้ำ 7 จังหวัด 3 แหล่งน้ำ 5 จังหวัด 4 แหล่งน้ำ 3 จังหวัด 5 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด และ กทม. 1 แหล่งน้ำ ซึ่งถ้ารวม กทม.ด้วยจะเป็น 108 แห่ง มีแม่น้ำสำคัญ 5 สาย ประกอบด้วย แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำราชบุรี และแม่น้ำเพชรบุรี และสระสำคัญอีก 4 แห่ง ใน จ.สุพรรณบุรี คือ สระเกษ สระแก้ว สระคงคา และสระยมนา

ผบ.ทบ.รับสมัครทหารบวช ประจำวัดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์หลังคนร้ายได้บุกยิงวัดรัตนานุภาพ หรือวัดโคกโก ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นผลให้พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และพระสมุห์อรรถพร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสมรณภาพ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 18 มกราคม ว่า คนร้ายก็ยังคงที่จะพยายามก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่อีก เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อจิตใจชาวไทยพุทธ แต่ตนเห็นคนไทยและมุสลิมมาร่วมงาน มั่นใจว่ามีความรักความสามัคคีไม่เสื่อมคลาย และยิ่งทำให้ในพื้นที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และเหตุที่เกิดขึ้นเราอย่าไปแก้ที่ปลายเหตุ แต่ต้องมีการปรับแผนบูรณาการกันทั้งระบบ ซึ่งเสร็จจากนี้ตนจะไปประชุมปรับแผนที่ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมืองนราธิวาส เพื่อรื้อฟื้นทั้งระบบโดยจะสำรวจแต่ละพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร

“ประการสำคัญในส่วนของทหาร นอกจากจะปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องความมั่นคงแล้ว เราจะรับสมัครทหารที่สมัครใจบวช เพื่อส่งมากระจายอยู่ตามวัดต่างๆ ดังที่เคยปฏิบัติกันมา เพื่อสร้างความอุ่นใจและมั่นใจของพี่น้องประชาชน รวมไปถึงพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ” ผบ.ทบ.กล่าว อนึ่ง คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ชี้รัฐบาลลาว ฆ่า 3 นักเคลื่อนไหวไทย-ห่วง “สุรชัย แซ่ด่าน”

เมื่อวันที่ 23 มกราคม เว็บไซต์ ฮิวแมนไรท์วอทช์ เผยแพร่แถลงการณ์จากกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้รัฐบาลลาวสอบสวนการหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทย 3 คน ที่พิสูจน์พบมีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายบริเวณแม่น้ำโขงตรงตามจำนวนที่หายไป ใจความว่า รัฐบาลลาวควรสอบสวนการหายตัวไปของนักเคลื่อนไหวจากไทย 3 คนอย่างเร่งด่วน มีผู้พบเห็นพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่กรุงเวียงจันทน์ในเดือนธันวาคม 2561 จากนั้นวันที่ 22 มกราคม ทางการไทยแจ้งต่อฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า ผลการตรวจตัวอย่างดีเอ็นเอของศพที่พบในแม่น้ำโขง ตรงกับนักเคลื่อนไหวที่หายตัวไปสองคน ได้แก่ ภู ชนะ และสหายกาสะลอง การพิสูจน์อัตลักษณ์ศพภู ชนะ และสหายกาสะลองที่ถูกพบเมื่อวันที่ 26 และ 27 ธันวาคม 2561 ตามลำดับ ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับตัวสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เนื่องจากทั้งสองศพ (ซึ่งเป็นคนสนิทนายสุรชัย) มีสภาพที่มือและเท้าถูกมัด ใบหน้าถูกตีจนแหลกเหลว จำไม่ได้ นอกจากนั้น ยังมีการคว้านท้องศพและเทปูนใส่เข้าไปแทน

“ดูเหมือนว่ารัฐบาลลาวจงใจปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการลักพาตัว และการสังหารนักเคลื่อนไหวจากไทยอย่างโหดเหี้ยม ทางการลาวต้องสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีอันโหดเหี้ยมนี้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อชะตากรรมของนักเคลื่อนไหวจากไทยที่ลี้ภัยในลาว” นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุ

ที่ผ่านมารัฐบาลไทยเรียกร้องให้ทางการลาวส่งตัวสุรชัยและนักเคลื่อนไหว โดยล่าสุดได้มีการร้องขอเมื่อตอนที่นายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และนายกฯ เยือนกรุงเวียงจันทน์ในวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนรัฐบาลลาวไม่ได้สอบสวนอย่างจริงจังต่อการหายตัวไปก่อนหน้านี้ของนักเคลื่อนไหวที่อาศัยอยู่ในเวียงจันทน์

ได้แก่ นายอิทธิพล สุขแป้น ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 และนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560